เกี่ยวกับ ขอนแก่น | |||
จังหวัดขอนแก่นมีเนื้อที่ประมาณ 10,885 ตารางกิโลเมตร หรือ 6,803,125 ไร่ เป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 15 ของประเทศ มีพื้นที่อยู่ในเขตของลุ่มน้ำหลัก 2 ลุ่มน้ำ คือ ลุ่มน้ำมูลและลุ่มน้ำชี ลักษณะภูมิประเทศเป็นพื้นที่ภูเขาสูงทางทิศตะวันตก ในเขตของเขาภูกระดึงและเทือกเขาเพชรบูรณ์ ส่วนทางทิศตะวันออกและทิศตะวันออกเฉียงใต้มีลักษณะสูงต่ำสลับกันเป็นลูกคลื่นลาดเทไปทางทิศตะวันออกและทิศใต้ของจังหวัด พื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง 100-200 เมตร มีแม่น้ำสายสำคัญ คือ แม่น้ำชีและแม่น้ำพอง | |||
จังหวัดขอนแก่นนั้น แม้เพิ่งเริ่มก่อตั้งเป็นเมืองในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 เพียง 200 กว่าปีที่ผ่านมา แต่แท้จริงแล้วดินแดนบริเวณนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาก จากหลักฐานการสำรวจพบเครื่องมือเครื่องใช้อายุเก่าแก่และชุมชนเมืองโบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในพื้นที่ต่างๆ ของจังหวัด ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าอาณาเขตบริเวณจังหวัดขอนแก่นในปัจจุบันนี้ เป็นแหล่งอารยธรรมและดินแดนแห่งวัฒนธรรมที่สั่งสมมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ มีความเจริญรุ่งเรืองมาก่อนสมัยพุทธกาลหลายพันปี | |||
สันนิษฐานว่าบริเวณยอดเขาภูเวียงเป็นเมืองที่มีชุมชนอาศัยอยู่มาหลายยุคหลายสมัย ตั้งแต่ก่อนกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เนื่องจากพบเมืองโบราณหลายแห่ง โดยเฉพาะในเขตอำเภอน้ำพอง พบซากเมืองโบราณขนาดใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย (มีขนาดใหญ่เป็นรองเพียงเมืองนครชัยศรีเท่านั้น) | |||
ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาและกรุงธนบุรี เมืองภูเวียงมีฐานะเป็นเมืองหน้าด่านของนครเวียงจันทน์ ตั้งอยู่บนเส้นทางการคมนาคมระหว่างนครเวียงจันทน์กับกรุงศรีอยุธยาและกรุงธนบุรี ในขณะนั้นอิทธิพลของอาณาจักรขอมได้เสื่อมลง ประกอบกับชุมชนเมืองต่างๆ ทางภาคอีสานได้รับผลกระทบจากภัยสงครามและภัยอื่นๆ จนผู้คนส่วนมากต้องอพยพหนีภัยและละทิ้งบ้านเมืองไป เมืองในแถบนี้หลายเมืองจึงกลายสภาพเป็นเมืองร้าง | |||
ในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้ยกบ้านบึงบอนขึ้นเป็น “เมืองขอนแก่น” ในปี พ.ศ. 2340 หลังจากนั้นเมืองขอนแก่นได้โยกย้ายที่ตั้งไปมาอยู่หลายครั้งภายในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2451 มีการย้ายศาลากลางเมืองขอนแก่นมาตั้งที่บ้านพระลับ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น (ซึ่งก็คือศาลากลางหลังเก่าในปัจจุบัน) และเปลี่ยนตำแหน่งข้าหลวงประจำบริเวณเป็นผู้ว่าราชการเมือง | |||
ต่อมาในปี พ.ศ. 2459 มีการเปลี่ยนคำเรียก “เมือง” เป็น “จังหวัด” และในปี พ.ศ. 2507 มีการสร้างศาลากลางจังหวัดหลังใหม่ขึ้นที่สนามบินเก่า อยู่ห่างจากที่เดิมประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า "ศูนย์ราชการ" และใช้มาจนถึงปัจจุบัน | |||
จังหวัดขอนแก่นแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 20 อำเภอ 5 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองขอนแก่น อำเภอบ้านฝาง อำเภอพระยืน อำเภอหนองเรือ อำเภอชุมแพ อำเภอสีชมพู อำเภอน้ำพอง อำเภออุบลรัตน์ อำเภอกระนวน อำเภอบ้านไผ่ อำเภอเปือยน้อย อำเภอพล อำเภอแวงใหญ่ อำเภอแวงน้อย อำเภอหนองสองห้อง อำเภอภูเวียง อำเภอมัญจาคีรี อำเภอชนบท อำเภอเขาสวนกวาง อำเภอภูผาม่าน กิ่งอำเภอซำสูง กิ่งอำเภอโคกโพธิ์ไชย กิ่งอำเภอหนองนาคำ กิ่งอำเภอบ้านแฮด และกิ่งอำเภอโนนศิลา | |||
กู่ประภาชัย หรือ กู่บ้านนาคำน้อย | |||
(สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และอนุสาวรีย์) | |||
รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว | |||
กู่ประภาชัย หรือบางคนเรียกว่ากู่บ้านนาคำน้อย ตั้งอยู่ในบริเวณบ้านนาคำน้อย หมู่1,15 ตำบลบัวใหญ่ อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น อยู่ห่างจากจังหวัดขอนแก่น ประมาณ 57 กิโลเมตร การเดินทางไปตามเส้นทางเดียวกันกับพระธาตุขามแก่น โดยตรงต่อไปก่อนถึงสะพานข้ามคลองส่งน้ำจากลำน้ำพองเลี้ยวซ้ายตามถนนลาดยางเลียบคลองชลประทาน แล้วเลี้ยวขวาสะพานเข้าหมู่บ้านนาคำน้อยก็จะถึงที่ตั้งกู่ประภาชัยซึ่งอยู่ภายในวัดบ้านนาคำน้อย | |||
เป็นสภาปัตยกรรมของขอม ก่อสร้างด้วยศิลาแลงและหินทรายสร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรเขมรโบราณ ประมาณพุทธศตวรรษที่ 18 (พ.ศ.1720-1780) สภาพปัจจุบันสลักหักพังลงมาก แต่ได้รับการดูแลรักษาจากวัดและชุมชนเป็นอย่างดี เป็นโบราณสถานที่น่าศึกษาและไปสักการะบูชา มีพระพุทธรูปประดิษฐานไว้ มีหินก้อนใหญ่ที่ถือว่าเป็นหินศักดิ์สิทธิ์วางไว้บนแท่นที่ทำขึ้นใหม่เพื่อให้ประชาชนทั่วไปมาสักการะบูชา | |||
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ | |||
บึงแก่นนคร | |||
(เขื่อน พื้นที่อนุรักษ์ ทะเลสาบ) | |||
รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว | |||
ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลกลางเมืองขอนแก่น เป็นบึงขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ 603 ไร่ นอกจากจะเป็นที่ประดิษฐานอนุสาวรีย์ "เจ้าเพียเมืองแพน" ผู้ก่อตั้งเมืองขอนแก่นแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่นิยมมาพักผ่อนหย่อนใจ และทำกิจกรรมนันทนาการของชาวเมืองเพราะมีบรรยากาศสบายๆ พื้นที่โดยรอบมีการปรับ ปรุงตกแต่งให้เป็นสวนสุขภาพ ประดับประดาด้วยประติมากรรมรูปต่างๆ ดูเพลินตาเพลินใจ ยิ่งไปกว่านั้น ทางเทศบาลยังปลูกต้นคูณ และไม้ดัดไว้โดยรอบเพิ่มความร่มรื่น สวยงามให้กับสถานที่ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยัง มีสนามเด็กเล่นและร้านอาหารเปิดบริการหลายประเภท เหมาะมากสำหรับการพาครอบครัวไปเปลี่ยนบรรยากาศ | |||
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ | |||
ปราสาทเปือยน้อย | |||
(สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และอนุสาวรีย์) | |||
รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว | |||
หากจะเอ่ยถึงปราสาทขอมโบราณอันเลืองชื่อ เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงจังหวัดในแถบสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ หรือนครราชสีมา เป็นลำดับแรก เนื่องด้วยจังหวัดเหล่านี้ต่างมีชื่อในเรื่องวัฒนธรรมโบราณของเขมร แต่จะมีใครรู้บ้างว่าในจังหวัดของแก่นก็มีปราสาทขอมในยุคโบราณที่น่าศึกษาค้นคว้าและเข้าไปเยี่ยมชมประสาทด้วยเช่นกัน | |||
ปราสาทที่เอ่ยถึงนั้นคือ “ ปราสาทเปือยน้อย ” ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 1 ตำบลเปือยน้อย อำเภอเปือยน้อย จังหวัดขอนแก่น มีสภาพสมบูรณ์ที่สุดในแถบอิสานตอนบนเท่าที่เคยค้นพบมา สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16 – 17 เพื่อใช้เป็นศาสนสถานประกอบพิธีกรรม ลักษณะด้านสถาปัตยกรรมประกอบด้วยกลุ่มอาคารโบราณ 4 หลัง ก่อด้วยศิลาแลง หินทรายและอิฐ โดยมีกำแพงแก้วเป็นรูปสี่เหลี่ยมพื้นผ้าล้อมรอบอีกชั้น ซึ่งภายในกำแพงแก้วยังมีบรรณาลัยหรือวิหารทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ สันนิษฐานกันว่าน่าจะเป็นที่เก็บพระคัมภีร์ | |||
แต่อีกกระแสกลับบอกว่าปราสาทเปือยน้อยนั้นเป็นศิลปะผสมระหว่างเขมรบาปวนและแบบนครวัดรวมกัน ผังการก่อสร้างหมายถึงเขาพระสุเมรุอันเป็นแกนกลางของจักรวาล หมายถึงที่สิ่งสถิตย์ของเหล่าบรรดาทวยเทพทั้งหลาย หน้าบรรณขององค์ปรางประธานสลักเป็นรูปนาคราชมีลวดลายสวยงามสะดุดตา ทับหลังสลักเป็นรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ซึ่งยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์เช่นเดียวกับตัวปราสาทคาดการณ์ว่าน่าจะมีอายุประมาณ 800 ปี | |||
สำหรับปราสาทเปือยน้อย หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า “ พระธาตุกู่ทอง ” เป็นที่เคารพสักการะของประชาชนทั่วไป ซึ่งชาวอำเภอเปือยน้อยจะจัดงานเทศกาลเฉลิมฉลองปราสาททุกปีในช่วงวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปี โดยจะมีพิธีกรรมทางศาสนา ประเพณีผูกเสี่ยวอันขึ้นชื่อของชาวขอนแก่น และการแสดงเชิงประวัติศาสตร์ แสงสีเสียงอย่างยิ่งใหญ่ตระการตาตลอดช่วงเทศกาล | |||
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ | |||
พระธาตุขามแก่น | |||
(สถานที่เกี่ยวกับศาสนาอื่นๆ) | |||
รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว | |||
พระธาตุขามแก่น ตั้งอยู่ที่วัดเจติยภูมิ บ้านขาม หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านขาม อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น เป็นปูชนียสถานของจังหวัดขอนแก่น บ้านขามเคยเป็นเมืองมาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นเวลาประมาณ 2000 ปี ตั้งแต่ พ.ศ 500 ต่อมาเจ้าเมืองสุวรรณภูมิ ชื่อ เพี้ยเมืองแพน (ปัจจุบันคือ จังหวัดร้อยเอ็ด) ได้มาตั้งเมืองขามแก่นที่ บ้านขาม พุทธศตวรรษที่ 5 พระยาหลังเขียว หรือโมริย กษัตริย์เจ้าเมืองโมรีย์ (เมืองโมรีย์อยู่ในอาณาเขตของประเทศกัมพูชา) สร้างพระธาตุขามแก่น ตั้งอยู่ในวัดเจติยภูมิ ตำบลบ้านขาม | |||
ตำนานพระธาตุขามแก่น | |||
***ตำนานที่หนี่ง*** | |||
นับแต่การเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เมื่อถวายพระเพลิงเสร็จ แล้ว พระบรมสารีริกธาตุได้ถูกนำไปประดิษฐานไว้ในที่ต่าง ๆ คือ พระสารีริกธาตุกระโยงหัว (กะโหลกศีรษะ) ฆะฏิการพรหมนำไปไว้บนเทวโลก, พระธาตุเขี้ยวหมากแง (พระเขี้ยวแก้ว) พระอินทร์นำไปไว้บนสวรรค์ชั้นดาวดึงษ์,พระธาตุกระดูกด้ามมีด (พระรากขวัญ ) พระยานาคนำไปไว้เมืองบาดาล | |||
ครั้งต่อมาโมริยกษัตริย์เจ้านครโมรีย์ (อยู่ในประเทศกัมพูชาปัจจุบัน) ทราบข่าวภายหลังเพราะอยู่ห่างไกลและเดินทางช้า จึงได้แต่พระอังคารธาตุ (ฝุ่น) แล้วนำไปไว้ที่นครของตน ประมาณพุทธศักราชล่วงมาได้ 3 ปี พระมหากัสสปะเถระเจ้า พร้อมด้วยพระอรหันต์ 500 องค์ นำเอาพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนอก) ไปประดิษฐานไว้ภูกำพร้า (พระธาตุพนมในปัจจุบัน) พระยาหลังเขียว โมริยกษัตริย์ และพระอรหันต์ยอดแก้ว, พระอรหันต์รังษี, พระอรหันต์คันที และไม่ปรากฏชื่ออีก 6 องค์ จึงเดินทางพร้อมอัญเชิญเอาพระอังคารธาตุเพื่อไปบรรจุไว้ในพระธาตุพนมด้วย ระหว่างทางได้มาถึงพื้นที่แห่งหนึ่ง (ที่ตั้งของพระธาตุขามแก่นในปัจจุบัน) มีพื้นที่พื้นที่ดอน ราบเรียบ มีห้วยสามแยก น้ำไหลผ่านรอบดอน และมีต้นมะขามใหญ่ที่ตายแล้วเหลือแต่แก่นอยู่ต้นหนึ่ง | |||
ขณะนั้นเป็นเวลาพลบค่ำพอดี ประกอบกับพื้นที่มีความเหมาะสมจึงได้พักแรมที่นี่ และนำเอาพระอังคารธาตุไปวางพักไว้บนแก่นของต้นมะขามที่ตายแล้วดังกล่าว พอรุ่งเช้าทั้งคณะก็เดินทางมุ่งหน้าสู่สถานที่ก่อสร้างพระธาตุพนมต่อไป | |||
พอไปถึงปรากฏว่าพระธาตุพนมได้สร้างเสร็จแล้ว ไม่สามารถนำพระอังคารธาตุบรรจุลงไปได้อีก จึงจำต้องนำเอาพระอังคารธาตุนั้นกลับตามเส้นทางเดิม โดยตั้งใจว่าจะนำกลับไปไว้ที่นครของตนตามเดิม เมื่อมาถึงดอนมะขามซึ่งเคยเป็นที่พักแรม ครั้งก่อน ได้เห็นต้นมะขามใหญ่ที่ล้มตายเหลือแต่แก่นนั้นกลับผลิตดอก ออกผล แตกกิ่งก้านสาขามีใบเขียวชะอุ่มแลดูงามตายิ่งนัก จะเป็นด้วยเทพเจ้าแสร้งนิมิต หรือด้วยอำนาจอภินิหารของพระอังคารธาตุก็มิอาจรู้ได้ เห็นเป็นอัศจรรย์เช่นนั้นจึงพร้อมกันก่อสร้างพระธาตุครอบต้นมะขาม และบรรจุพระอังคารธาตุของพระเจ้าไว้ภายในด้วย โดยมีรูปลักษณะดังที่เราเห็น อยู่ในปัจจุบันนี้ จึง เรียกชื่อพระธาตุนี้ว่า "พระธาตุขามแก่น" | |||
หลังจาการก่อสร้างพระธาตุเสร็จแล้ว พระยาหลังเขียวพร้อมด้วยบริวารได้สร้างบ้านแปลงเมืองอยู่ตรงนี้ และได้สร้างวัดให้เป็นที่พำนักของพระอรหันต์ทั้ง 9 องค์ ซึ่งมีวิหาร และพัทธสีมาเคียงคู่กับองค์พระธาตุสืบมา ครั้นกาลล้วงมาพระอรหันต์ทั้ง 9 องค์ก็ได้ดับขันธ์ปรินิพพาน ชาวเมืองนำเอาอัฐิธาตุของท่านบรรจุไว้ในพระธาตุองค์เล็ก ซึ่งอยู่ด้านทิศตะวันออกของ อุโบสถในเวลานี้ ต่อมาประชาชนจึงเรียกพระธาตุองค์ใหญ่ว่า ครูบาทั้งเก้าเจ้ามหาธาตุ ส่วนพระธาตุองค์เล็กเรียกว่า ครูบาทั้งแปด | |||
***ตำนานที่สอง*** | |||
มีเรื่องราวคล้ายตำนานที่หนึ่ง แต่กล่าวว่าพระอรหันต์ที่อัญเชิญพระอังคารธาตุนั้น มีเพียง 2 องค์เท่านั้น | |||
***ตำนานที่สาม*** | |||
แต่เดิม ณ ที่นี้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า ต่อมาเมื่อเริ่มมีชาวบ้านเข้ามาหักล้างถางพง จับจองที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยนั้น ชาวบ้านพบว่ามีตอมะขามที่ตายแล้วเหลือแต่แก่นอยู่ต้นหนึ่ง แต่ต่อมาปรากฏว่าแก่นมะขามนั้นกลับมีการแตกใบ ผลิดอก ดูแปลกประหลาด และพบว่าหากมีใครที่ไปทำการอะไรที่เป็นการดูหมิ่นหรือลบหลู่ตอมะขามนั้น คนผู้นั้นก็จะมีอันเป็นไป ชาวบ้านจึงเกิดความเคารพบูชา และร่วมกันสร้างเจดีย์ครอบตอมะขามนั้นไว้ พร้อมกับบรรจุพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า 9 ประการ ไว้ในนั้นด้วย จึงเรียกเจดีย์ที่สร้างนั้นว่า พระเจ้าเก้าพระองค์ หรือ เจดีย์บ้านขาม ต่อมาจึงเป็นพระธาตุขามแก่น | |||
พระธาตุขามแก่น นับเป็นปูชนียสถานที่สำคัญคู่เมืองขอนแก่น เป็นจุดยึดเหนี่ยวทางจิตใจ และมีความศักดิ์สิทธิ์คู่กับอีสานอีกแห่งหนึ่ง โดยทุกวันเพ็ญเดือน ๖ จะมีงานฉลองพระธาตุขามแก่นเป็นประจำทุกปี | |||
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- | |||
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น | |||
(พิพิธภัณฑ์) | |||
รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว | |||
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ตั้งอยู่ที่ถนนหลังศูนย์ราชการ ตำบลในเมือง จัดแสดงเรื่องราวท้องถิ่นอีสานเหนือ ในทางด้านภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ โบราณคดี วัฒนธรรมพื้นบ้านและชาติพันธุ์วิทยา | |||
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีโบราณวัตถุล้ำค่าของภาคอีสานตอนบนหลายสมัย เช่น สมัยก่อนประวัติศาสตร์ สมัยทวารวดี หรือข้าวของเครื่องใช้จากภูมิปัญญาท้องถิ่นอีสาน ฯลฯ ทั้งหมดจัดแสดงโดยแบ่งเป็นยุคสมัยต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ ในอาคารทรงไทยประยุกต์สองชั้น ซึ่งเชื่อมต่อกับอาคารจัดแสดงใบเสมากลางแจ้งและอาคารชั้นเดียว ด้านหลัง สิ่งน่าสนใจ ได้แก่ | |||
ภาชนะดินเผา สมัยก่อนประวัติศาสตร์ อายุประมาณ 5,600 - 4,500 ปีมาแล้ว ทำจากดินเผา สูง 21 ซม. เส้นผ่าศูนย์กลางปากภาชนะ 26.5 ซม. เลขทะเบียน 121/2516 แหล่งโบราณคดีบ้านธาตุ ต. บ้านธาตุ อ. เพ็ญ จ. อุดรธานี | |||
ขวานสำริดมีบ้อง สมัยก่อนประวัติศาสตร์ อายุประมาณ 4,000 ปีมาแล้ว สำริด 10.5x12, 5x 5.5, 4.5x6 ซม. เลขทะเบียน (ซ้าย-ขวา-ล่าง) 279/2516, 283/2516, 282/2516 | |||
กำไลงาช้าง สมัยก่อนประวัติศาสตร์ อายุประมาณ 4,000 - 3,000 ปีมาแล้ว ทำจากงาช้าง เส้นผ่าศูนย์กลาง 11 ซม., เลขทะเบียน 183/2516 แหล่งโบราณคดีบ้านโพนสูง ต. โพนสูง อ. บ้านตุง จ. อุดรธานี ลูกปัดและต่างหูเปลือกหอย สมัยก่อนประวัติศาสตร์ อายุประมาณ 2,500 - 1,800 ปีมาแล้ว ทำจากเปลือกหอย เลขทะเบียน NC 12082 แหล่งโบราณคดีบ้านโนนชัย อ. เมือง จ. ขอนแก่น | |||
กระดิ่งสำริด สมัยก่อนประวัติศาสตร์ อายุประมาณ 2,500 - 1,800 ปีมาแล้ว ทำจากสำริด สูง 11 ซม. เส้นผ่าศูนย์กลาง 8.5 ซม. เลขทะเบียน 227/2520 แหล่งโบราณคดีบ้านโนนชัย อ. เมือง จ. ขอนแก่น | |||
ใบเสมาสลักภาพพุทธประวัติ ตอน "พิมพาพิลาป" ศิลปะทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ 15 ทำจากหินทราย สูง 190 ซม. กว้าง 68 ซม. เลขทะเบียน 225/2516 พบที่เมืองฟ้าแดดสงยาง อ. กมลาไสย จ. กาฬสินธุ์ พระพิมพ์ปางแสดงธรรม ศิลปะทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ 14 - 15 ทำจากดินเผา สูง 14 ซม. กว้าง 9 ซม. เลขทะเบียน 468/2522 พบที่เมืองนครจำปาศรี อ. นาดูน จ. มหาสารคาม | |||
พระพิมพ์ปางสมาธิ ศิลปะทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ 14 - 15 ทำจากดินเผา สูง 22.5 ซม. กว้าง 14 ซม. เลขทะเบียน 435/2516 พบที่โบราณสถานอุ่มญาดู เมืองกันทรวิชัย อ. กันทรวิชัย จ. มหาสารคาม | |||
พระพุทธรูปปางทรงแสดงธรรม (วิตรรกะ) ศิลปะทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ 14 - 15 ทำจากสำริด สูง 9.5 ซม. กว้าง 3 ซม. เลขทะเบียน Ra.53 พบที่เมืองชัยวาน กิ่งอ. โคกโพธิ์ไชย จ. ขอนแก่น | |||
อาคารพิพิธภัณฑ์ มีสองชั้น โดยจัดแสดงดังนี้
- ชั้นล่างด้านขวา แสดงนิทรรศการสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ของภาคอีสานตอนบน บอกเล่าเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของผิวโลก ตั้งแต่ 280 ล้านปีก่อน ผ่านยุคไดโนเสาร์ซึ่งมีการค้นพบฟอสซิลอายุ 160 ล้านปีที่ภูเวียง กระทั่งถึงมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ และจัดแสดงโบราณวัตถุที่น่าสนใจ เช่น เครื่องมือหินกะเทาะสมัยสังคม ล่าสัตว์อายุ 1 หมื่นปี ภาชนะดินเผาอายุ 5,600 ปี ขวานสำริดอายุ 4,000 ปี กำไลงาช้างอายุ 4,000 ปี เครื่องประดับทำจากเปลือกหอยทะเลอายุ 2,500 ปี ฯลฯ - ชั้นล่างด้านซ้าย จัดแสดงใบเสมาและชิ้นส่วนศิลปกรรมสมัยทวารวดี เช่น ใบเสมาหินทรายกว้าง 68 ซม. สูง 190 ซม. สลักภาพพุทธประวัติตอนพิมพาพิลาป อายุราวพุทธศตวรรษที่ 15 พบที่เมืองฟ้าแดดสูงยาง จ. กาฬสินธุ์ และใบเสมาหินทรายสลักลายสวยงามอีกหลายชิ้น - ชั้นบน เป็นห้องโถงโหญ่จัดแสดงโบราณวัตถุชิ้นสำคัญมาก มาย เช่น พระพุทธรูปสมัยต่าง ๆ ของไทยและลาว พระพิมพ์ปางแสดงธรรมสมัยทวารวดี พระแผ่นเงินดุนสมัยทวารวดี พระพุทธรูปนาคปรกศิลปะลพบุรี ฯลฯ อาคารจัดแสดงใบเสมากลางแจ้ง กลางแจ้ง อยู่ด้านตะวันตกของ อาคารพิพิธภัณฑ์ เป็นอาคารโล่งไม่มีผนัง จัดแสดงใบเสมาหิน ทรายแกะสลักลวดลายสวยงามมากมาย บริเวณสนามหญ้าภาย นอกอาคารมีใบเสมาโบราณตั้งกระจายอยู่ทั่ว เป็นใบเสมาที่พบในเมืองฟ้าแดดสูงยาง จ. กาฬสินธุ์ และแถบอีสานตอนบน นิทรรศการภายในอาคารชั้นเดียวด้านหลัง จัดแสดงในห้องด้านซ้ายและขวา - ห้องด้านซ้าย จัดแสดงโบราณวัตถุและเครื่องใช้ของบุคคล สำคัญคู่เมืองขอนแก่น เช่น ง้าวโบราณของอดีตเจ้าเมือง ตู้พระธรรมลายรดน้ำและธรรมาสน์ทรงปราสาทแกะสลักลงรักปิดทองศิลปะพื้นบ้านอันสวยงาม เป็นต้น - ห้องด้านขวา จัดแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้านอีสาน มีเรือนอีสานจำลองแสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอีสานดั้งเดิม ลานบ้านมีเกวียน ใต้ถุนบ้านมีเครื่องมือเกษตร เครื่องมือจับปลา เครื่องจักสาน มีแคร่สำหรับนั่งทอผ้า บนเรือนมีเครื่องเรือนเครื่องใช้แบบพื้นบ้านจัดไว้อย่างน่าชม ที่ตั้ง: ตั้งอยู่ที่ถนนหลังศูนย์ราชการ --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- |
|||
พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง | |||
(พิพิธภัณฑ์เพื่อการศึกษา) | |||
รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว | |||
![]() |
|||
พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง ตั้งอยู่ที่ตำบลในเมือง อำเภอเวียงเก่า เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ศึกษาวิจัยซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ภูเวียง ก่อตั้งโดยความร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ขอนแก่น และกรมทรัพยากรธรณี เพื่อศึกษาค้นคว้าและเผยแพร่ความรู้ด้านทรัพยากรธรณีสู่สาธารณชน เพื่อการอนุรักษ์ เพื่อประโยชน์ของสังคมและส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เกิดการพัฒนาแบบยั่งยืนต่อไป อาคารพิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนบริการ ได้แก่ ร้านขายของที่ระลึก ห้องอาหาร ห้องบรรยาย ส่วนวิชาการ ได้แก่ ห้องปฏิบัติการ ห้องทำงาน ห้องสมุด และส่วนนิทรรศการ ได้แก่ ห้องจัดแสดงชั้นล่างและชั้นบน จัดแสดงนิทรรศการการกำเนิดโลก หิน แร่ ซากดึกดำบรรพ์ และหุ่นจำลองไดโนเสาร์ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ศึกษาวิจัยซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ภูเวียง กรมทรัพยากรธรณี โทร. 0 4343 8204-6 | |||
การเดินทาง ใช้เส้นทางเดียวกับทางไปอุทยานแห่งชาติภูเวียง จากขอนแก่นเดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 12 (ขอนแก่น-ชุมแพ) ผ่านอำเภอบ้านฝาง อำเภอหนองเรือ ถึงทางแยกไปอำเภอภูเวียง ระยะทางประมาณ 48 กิโลเมตร จึงแยกตามทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2038 อีก 22 กิโลเมตรถึงอำเภอภูเวียงและเดินทางต่อไปอีก 10 กิโลเมตรถึงพิพิธภัณฑ์ | |||
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- | |||
#ขอบคุณข้อมูลและภาพทั้งหมดจาก เว็ปไซด์ ททท. | |||
#เที่ยวกับAKสนุก,ประหยัด,คุ้มค่า,สะดวก,จริงใจ | |||
#ทำเรื่องเที่ยวให้เป็นเรื่องง่าย ใครก็เที่ยวได้เที่ยวกับเราสิคะAK |
|||
#AK |
|
||
โครงการพิเศษสำหรับสมาชิก
|
||
![]() |
![]() |
|
A K Hotels Exclusive Club | AK Hotels Privilege Club | |
|
ปาย....เป็นเมืองเล็กๆ ทางตอนเหนือของจังหวัดแม่ฮ่องสอน...
พัทยา มีมากกว่าทะเล 4 บรรยากาศ หลากสไตล์...
กระบี่....... นอกจากกระบี่จะเป็นเมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก (มาก) แล้ว...
เลียบทะเลบ้านกรูด...ชมน้ำใสสะอาด...ท้องฟ้าสีคราม หาดบ้านกรูด อยู่ในเขตบ้านกรูด ตำบลธงชัย...
สะสมคะแนน ยิ่งใช้ ยิ่งได้ ยิ่งคุ้ม ครบทุกไลฟ์สไตล์ ของการพักผ่อน รับคะแนนสะสม เมื่อใช้จ่ายผ่าน เอ เค ...................................... Travel ...................................... Voucher |
![]() |