...... ชัยภูมิ ...... คำขวัญ ประจำจังหวัด ชัยภูมิ เมืองผู้กล้า พญาแล คำขวัญเพื่อการท่องเที่ยวจังหวัดชัยภูมิ ทิวทัศน์สวย รวยป่าใหญ่ มีช้างหลาย ดอกไม้งาม ลือนามวีรบุรุษ สุดยอดผ้าไหม พระใหญ่ทวารวดี จังหวัดชัยภูมิตั้งอยู่บนสันขอบที่ราบสูงอีสาน ซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกับภาคกลางและภาคเหนือ มีเนื้อที่ประมาณ 7,986,429ไร่ หรือ 12,778.3 ตารางกิโลเมตร ถือว่าเป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 7 ของประเทศ ลักษณะภูมิประเทศประกอบด้วยป่าไม้และเทือกเขาร้อยละ 50 ของพื้นที่จังหวัด เทือกเขาตั้งเรียงรายจากทิศตะวันออกสู่ทิศตะวันตก ประกอบด้วยเทือกเขาสำคัญ ได้แก่ ภูอีเฒ่า ภูแลนคา และภูพังเหย อันเป็นต้นกำเนิดแม่น้ำชี นอกนั้นเป็นที่ราบสูง ส่วนบริเวณตอนกลางของจังหวัดเป็นพื้นที่ราบ |
|||
|
|||
![]() |
|||
แผนที่จังหวัด ชัยภูมิ ด้านประวัติศาสตร์ ชัยภูมิมีอารยธรรมซ้อนทับกันหลายสมัย ตั้งแต่สมัยทวารวดี สมัยขอม จนถึงอิทธิพลลาวล้านช้าง มีการค้นพบโบราณสถานและโบราณวัตถุมากมายในหลายพื้นที่ของจังหวัด ต่อมาปรากฏชื่อเป็นเมืองหน้าด่านในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยมีฐานะเป็นเมืองขึ้นของเมืองนครราชสีมา คู่กับเมืองบุรีรัมย์ ภายหลังจึงร้างไป ชัยภูมิมาปรากฏชื่ออีกครั้งในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ตรงกับสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โดยมีชาวเมืองเวียงจันทน์ ที่มีนายแลเป็นหัวหน้า พากันมาตั้งหลักปักฐานในบริเวณที่เรียกว่าโนนน้ำอ้อม และคงใช้ชื่อเมืองตามเดิมว่าชัยภูมิ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ก่อการกบฏยกกองทัพเข้ามาตีเมืองนครราชสีมาและหัวเมืองรายทาง นายแล เจ้าเมืองชัยภูมิจึงยกไพร่พลไปสมทบกับกำลังของคุณหญิงโม ตีทัพของเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์แตกพ่ายไป พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คุณหญิงโมเป็นท้าวสุรนารี และให้นายแลเป็นพระยาภักดีชุมพล เจ้าเมืองชัยภูมิคนต่อมาที่สืบเชื้อสายมาจากพระยาภักดีชุมพล (แล) ก็ยังคงใช้ราชทินนามว่าพระยาภักดีชุมพล จังหวัดชัยภูมิแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 16 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองชัยภูมิ อำเภอบ้านเขว้า อำเภอคอนสวรรค์ อำเภอเกษตรสมบูรณ์ อำเภอหนองบัวแดง อำเภอจัตุรัส อำเภอภูเขียว อำเภอบำเหน็จณรงค์ อำเภอบ้านแท่น อำเภอแก้งคร้อ อำเภอคอนสาร อำเภอเทพสถิต อำเภอหนองบัวระเหว อำเภอภักดีชุมพล อำเภอเนินสง่า และอำเภอซับใหญ่ |
|||
สถานที่ท่องเที่ยว อนุสาวรีย์พระยาภักดีชุมพล (แล) แลนด์มาร์กและอนุสรณ์สถาน รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว พระยาภักดีชุมพล เดิมชื่อ"แล" เป็นชาวนครเวียงจันทน์ เคยรับราชการเป็นพี่เลี้ยงราชบุตรในเจ้าอนุวงศ์แห่งอาณาจักรล้านช้าง (ขณะนั้นเป็นประเทศราชของไทย) ในสมัยรัชกาลที่ 2 พ.ศ. 2360 นายแลได้อพยพไพร่พลข้ามแม่น้ำโขงมาตั้งบ้านเรือนที่บ้านน้ำขุ่นหนองอีจาน (อยู่ในเขตอำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา) ต่อมาได้ย้ายไปตั้งใหม่ที่บ้านโนนน้ำอ้อม บ้านชีลอง (อยู่ในเขตอำเภอเมืองชัยภูมิ) และได้ทำราชการส่งส่วยต่อเจ้าอนุวงศ์ เจ้าอนุวงศ์จึงตั้งให้นายแลเป็นที่ขุนภักดีชุมพลนายกองนอก ใน พ.ศ. 2365 ขุนภักดีชุมพลได้ย้ายชุมชนมาอยู่ที่บ้านหลวง ซึ่งอยู่ระหว่างบ้านหนองหลอดกับบ้านหนองปลาเฒ่า ในเขตอำเภอเมืองชัยภูมิปัจจุบัน เนื่องจากสถานที่เดิมเริ่มคับแคบ ไม่พอกับจำนวนพลเมืองที่เพิ่มขึ้น พ.ศ. 2367 ได้ที่การพบบ่อทองที่บริเวณลำห้วยชาด นอกเขตบ้านหลวง ขุนภักดีชุมพลจึงได้นำทองในบ่อนี้ไปส่วยแก่เจ้าอนุวงศ์และขอยกฐานะบ้านหลวงขึ้นเป็นเมือง เจ้าอนุวงศ์จึงประทานชื่อเมืองแก่ขุนภักดีชุมพลว่า เมืองไชยภูมิ และเลื่อนบรรดาศักดิ์ให้เป็นพระภักดีชุมพล ทว่าต่อมาพระภักดีชุมพลได้ขอเอาเมืองไชยภูมิขึ้นตรงต่อเมืองนครราชสีมา และส่งส่วยแก่กรุงเทพมหานครแทน ไม่ขึ้นแก่เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์อีกต่อไปพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกบ้านหลวง(เมืองไชยภูมิ)เป็นเมืองชัยภูมิ และแต่งตั้งพระภักดีชุมพล (แล) เป็นพระยาภักดีชุมพล (แล) เจ้าเมืองชัยภูมิคนแรก สร้างความไม่พอใจแก่ทางฝ่ายเวียงจันทน์อย่างมาก ในสมัยรัชกาลที่ 3 พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์ก่อการกบฏต่อกรุงเทพเพื่อแยกตัวเป็นเอกราช โดยยกทัพเข้าตีเมืองนครราชสีมา แต่เห็นว่าจะทำการต่อไปได้ไม่ตลอด จึงเผาเมืองนครราชสีมาทิ้ง[ต้องการอ้างอิง] และถอนทัพกลับไปตั้งรับที่เวียงจันทน์ ระหว่างทางกองทัพเจ้าอนุวงศ์เกิดความปั่นป่วนจากการลุกฮือของครัวเรือนที่กวาดต้อนไปเวียงจันทน์ ขณะพักทัพอยู่ที่ทุ่งสำริด พระยาภักดีชุมพล (แล) ได้ยกทัพไปสมทบกับคุณหญิงโมและครัวเรือนชาวเมืองนครราชสีมา ทำการตีกระหนาบกองทัพของเจ้าอนุวงศ์จนแตกพ่าย เจ้าอนุวงศ์เกิดความแค้นที่พระยาภักดีชุมพลไม่ยอมให้ความร่วมมือกับฝ่ายลาว ซ้ำยังยกทัพมาช่วยฝ่ายไทยตีกระหนาบทัพลาวอีกด้วย จึงย้อนกลับมาเมืองชัยภูมิ จับตัวพระยาภักดีชุมพล (แล) ประหารชีวิต ที่บริเวณใต้ต้นมะขามริมหนองปลาเฒ่า การเสียชีวิตของพระยาภักดีชุมพล (แล) ในครั้งนั้น เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ชาวเมืองชัยภูมิจดจำตลอดมา และระลึกถึงว่าเป็นวีรกรรมครั้งสำคัญของท่านต่อมาชาวเมืองชัยภูมิจึงเรียกขานท่านด้วยความเคารพว่า "เจ้าพ่อพญาแล" และได้มีการสร้างศาลไว้ตรงสถานที่ที่พระยาภักดีชุมพล (แล) ถูกประหารชีวิต ที่บ้านหนองปลาเฒ่า อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 225 (ชัยภูมิ - บ้านเขว้า) ต่อมาใน พ.ศ. 2511 ทางราชการได้สร้างศาลขึ้นใหม่ ให้ชื่อว่า "ศาลพระยาภักดีชุมพล (แล)" และจัดให้มีงานสักการะเจ้าพ่อพญาแลทุกปี โดยเริ่มจากวันพุธ แรกของเดือน 6 เป็นเวลา 7 วัน เรียกว่า "งานเทศกาลบุญเดือนหก ระลึกถึงความดีของ เจ้าพ่อพญาแล" ถือเป็นงานใหญ่ประจำปีของชาวชัยภูมิ และใน พ.ศ. 2518 ทางราชการร่วมกับพ่อค้าและประชาชนชาวชัยภูมิ สร้างอนุสาวรีย์ของพระยาภักดีชุมพล (แล) ประดิษฐานอยู่ตรงวงเวียนศูนย์ราชการ ปากทางเข้าสู่ตัวเมืองชัยภูมิ ลูกหลานของพระยาภักดีชุมพล (แล) ที่ได้รับราชการเป็นเจ้าเมืองชัยภูมิคนต่อๆ มา ล้วนได้รับยศและบรรดาศักดิ์เป็นที่พระยาภักดีชุมพลทุกคน รวมทั้งสิ้น 5 คน ส่วนเจ้าพ่อพญาแลได้เป็นพระยาภักดีชุมพลได้ 4 ปี เป็นเจ้าเมืองชัยภูมิถึง 10 ปี ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ น้ำตกเทพพนา น้ำตก รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว น้ำตกเทพพนา เป็นน้ำตกขนาดกลางเกิดจากลำห้วยกระจวนที่ไหลจากเทือกเขาพังเหย โดยแบ่งออกเป็นชั้นสามชั้นลดหลั่นกัน ชั้นบนสุดมีความสงประมาณ 3-4 เมตร ชั้นที่สองมีความสูงประมาณ 2-3 เมตร และชั้นสุดท้ายมีความสูงประมาณ 6 เมตร อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของที่ทำการอุทยานฯ ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร ในช่วงฤดูฝนจะมีน้ำตกไหลสม่ำเสมอ สามารถลงเล่นน้ำเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ สถานที่ใกล้กันคือ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อยู่ในพื้นที่อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ มีสภาพป่าสมบูรณ์ เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของลุ่มน้ำชี และแม่น้ำป่าสักมีจุดเด่นทางธรรมชาติ ที่สวยงามหลายแห่งโดยเฉพาะทุ่งดอกกระเจียว มีเนื้อที่ประมาณ 62,437.50 ไร่ หรือ 99.9 ตารางกิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขา ประกอบไปด้วยภูเขาต่างๆ เช่น เขาพังเหย มีความสูงประมาณ 200 – 800 เมตร ทางธรณีวิทยาของพื้นที่เป็นหมวดหินภูพานหมวดหินพระวิหาร และหมวดหินภูกระดึง เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารลุ่มน้ำชี (แม่น้ำชี) ลำน้ำสนธิซึ่งไหลลงแม่น้ำป่าสัก มิเพียงเท่านั้น ท่านสามารถแวะชมทุ่งดอกกระเจียว ซึ่งกระเจียวเป็นพืชล้มลุกประเภทหัว พบเป็นพันธุ์ไม้ประจำถิ่นที่ขึ้นมากที่สุดในประเทศไทย ณ แห่งนี้ ปกติจะพบขึ้นกระจายทั่วไปตั้งแต่ลานหินงามจนถึงจุดชมวิวสุดแผ่นดิน 1 กิโลเมตร ดอกกระเจียวจะขึ้นและบานเป็นสีชมพูอมม่วงในช่วงต้นฤดูฝนเท่านั้น คือ เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมของทุกปี สถานที่ที่อยู่ใกล้และน่าสนใจไม่แพ้กันคือจุดชมวิวสุดแผ่นดินซึ่งเป็นหน้าผาสูงชันและเป็นจุดที่สูงสุดของเทือกเขาพังเหย ซึ่งอยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม (846 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง) ซึ่งเกิดจากการยกตัวของพื้นที่เป็นที่ราบสูงภาคอีสานจึงเป็นรอยต่อระหว่างภาคกลางกับภาคอีสาน ทำให้เรียกบริเวณนี้ว่า “สุดแผ่นดิน” ณ จุดนี้จะเห็นทิวทัศน์ของสันเขาพังเหยและเขตพื้นที่ป่าของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา จุดชุมวิวนี้อยู่ทางด้านทิศเหนือของที่ทำการอุทยานแห่งชาติ นักท่องเที่ยวนิยม ขึ้นไปสัมผัสสายหมอกตอนเช้าและชมพระอาทิตย์ตกตอนเย็น ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ปรางค์กู่ สถานที่เกี่ยวกับศาสนาอื่นๆ รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว ปรางค์กู่ หรือ ปราสาทหนองกู่ ตั้งอยู่ที่บ้านยางกู่ ตำบลมะอี จังหวัดร้อยเอ็ด บริเวณที่ว่าการอำเภอธวัชบุรี ปรางค์กู่ คือ กลุ่มอาคารที่มีลักษณะแบบเดียวกันกับอาคารที่เชื่อกันว่า คืออโรคยาศาลตามที่ปรากฏในจารึกปราสาทตาพรหมอันประกอบด้วย ปรางค์ประธาน บรรณาลัย กำแพงพร้อมซุ้มประตูและสระน้ำนอกกำแพง โดยทั่วไปนับว่าคงสภาพเดิมพอควร โดยเฉพาะปรางค์ประธานชั้นหลังคาคงเหลือ 3 ชั้น และมีฐานบัวยอดปรางค์อยู่ตอนบน อาคารอื่นๆ แม้หักพังแต่ทางวัดก็ได้จัดบริเวณให้ดูร่มรื่นสะอาดตา นอกจากนี้ภายในกำแพงด้านหน้าทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ยังพบโบราณวัตถุอีกหลายชิ้นวางเก็บรักษาไว้ใต้อาคารไม้ ได้แก่ ทับหลังหินทราย สลักเป็นภาพบุคคลนั่งบนหลังช้างหรือวัว ภายในซุ้มเรือนแก้วหน้ากาล จากการสอบถามเจ้าอาวาสวัดศรีรัตนาราม กล่าวว่าเป็นทับหลังหน้าประตูมุขของปรางค์ประธาน เสากรอบประตู 2 ชิ้น ชิ้นหนึ่งมีภาพสลักรูปฤาษีที่โคนเสาศิวลึงค์ขนาดใหญ่พร้อมฐานที่ได้จากทุ่งนาด้านนอกออกไป และชิ้นส่วนบัวยอดปรางค์ ซึ่งถูกดัดแปลงเป็นฐานของพระสังกัจจายน์ปูนปั้น กำหนดอายุว่าสร้างราวพุทธศตวรรษที่ 18 นักท่องเที่ยวที่สนใจมาเยือน เดินทางจากตัวเมืองใช้ทางหลวงหมายเลข 23 (ร้อยเอ็ด-ยโสธร) ประมาณ 10 กิโลเมตร ถึงที่ว่าการอำเภอธวัชบุรี ฝั่งตรงข้ามมีทางแยกซ้ายไปปรางค์กู่ ระยะทาง 6กิโลเมตร หรือใช้ทางหลวงหมายเลข 2044 (ร้อยเอ็ด-โพนทอง) ไปประมาณ 8 กิโลเมตร มีทางแยกขวาไปปรางค์กู่อีก 1 กิโลเมตร -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- |
|||
ผาเกิ้ง วัด, ดอยและภูเขา รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว ผาเกิ้ง ขอบคุณภาพจาก http://nkr.mcu.ac.th |
|||
ผาเกิ้ง เป็นส่วนหนึ่งของภูแลนคา หากเดินทางมาตามเส้นทางชัยภูมิ-หนองบัวแดง จะเห็นหน้าผาสูงริมทางคล้ายพระจันทร์เสี้ยวยื่นออกมา ชาวบ้านจึงเรียกว่า ผาเกิ้ง ซึ่งหมายถึงพระจันทร์ในภาษาอีสาน บนเขามีวัดผาเกิ้งหรือวัดชัยภูมิพิทักษ์ตั้งอยู่ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปชัยภูมิพิทักษ์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางประทับยืนองค์ใหญ่สูง 14 เมตร ด้านหน้าองค์พระเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมองเห็นทัศนียภาพของทุ่งนาได้กว้างไกล นอกจากนี้ในบริเวณวัดยังมีพระบรมธาตุผาเกิ้งและพิพิธภัณฑ์วัตถุโบราณให้นัก ท่องเที่ยวได้ชมด้วย ผาเกิ้งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 36 กิโลเมตร ริมหลวงหมายเลข 2159 (ชัยภูมิ-หนองบัวแดง) อุทยานแห่งชาติภูแลนคา ตั้งอยู่ในจังหวัดชัยภูมิ มีเนื้อที่โดยประมาณ 92,500 ไร่ เป็นสภาพพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามกฎหมาย และป่าอนุรักษ์ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 และ 17 มีนาคม พ.ศ.2535 และที่สำคัญเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำลำธาร ป่าสมบูรณ์ ป่าฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ป่าที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า รวมทั้งเป็นป่าที่คณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ คณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการลักลอบทำลายทรัพยากรป่าไม้ประจำจังหวัด ชมรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจังหวัด องค์กรสิ่งแวดล้อม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ องค์การบริหารส่วนตำบลทุกตำบลที่เกี่ยวข้อง ให้การเห็นชอบและสนับสนุนให้จัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติภูแลนคา โดยอย่างยิ่งพื้นที่ป่าอนุรักษ์อุทยานแห่งชาติเป็นส่วนหนึ่งของต้นน้ำและลำห้วยต่างๆ ที่ไหลรวมกันเป็นลุ่มน้ำและไหลกันเป็นแม่น้ำชี เดิมเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ป่าภูแลนคาด้านทิศเหนือและป่าภูแลนคาด้านทิศใต้ อุทยานแห่งชาติภูแลนคา มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลายที่ด้วยกันในอดีต เคยเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางการทหาร (ประวัติทางการสู้รบ) และประวัติศาสตร์ของศาลปู่ด้วง (บุคคลทรงศีล) จุดเด่นที่น่าสนใจ ได้แก่ ตาดหินลาดตาดโตนน้อย ภูคำน้อย ภูกลาง ภูดี ผาเกิ้ง ผาเพ ผากล้วยไม้ ถ้ำเกลือ ถ้ำพระ แม่น้ำชี ลาดหินแตก เทพบูชา ประตูโขลง ทุ่งดอกกระเจียวอุทยานแห่งชาติภูแลนคา เหมาะสมที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- |
|||
พระธาตุกุดจอก สถานที่เกี่ยวกับศาสนาอื่นๆ รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว พระธาตุกุดจอก ตั้งอยู่ที่ บ้านยางน้อย หมู่ที่ 2 ตำบลบ้านยาง อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ ตามหลักฐานปรากฏในพงศาวดารลาวว่า ประมาณปีพุทธศักราช 1578 ก่อนที่ชนชาติขอมจะมามีอำนาจ อาณาจักรล้านช้างได้แผ่ขยายอำนาจ มาปกครองพื้นที่ภาคอีสานจนถึงเขตเมืองละโว้ (ปัจจุบัน คือ เมืองลพบุรี) ชาวอาณาจักรล้านช้าง ได้นำเอาวัฒนธรรมประเพณีมาเผยแพร่ และประดิษฐานไว้ จะเห็น จากการก่อสร้างองค์พระธาตุกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในท้องที่อำเภอเกษตรสมบูรณ์ พระธาตุกุดจอก เป็นโบราณสถานที่เก่าแก่และสำคัญต่อ ชาวอำเภอเกษตรสมบูรณ์ เป็นอย่างยิ่ง มีอายุประมาณ 1,200 ปี แต่เดิมมีองค์พระธาตุอยู่ 3 องค์ คือ องค์แรกมีความสูงประมาณ 15 เมตร มีลักษณะคล้ายสถูป บนยอดพระธาตุมีเศียรพญานาค 8 เศียร อยู่รอบทั้งแปดทิศ ปัจจุบันชำรุดพังลงเหลือเพียงเศียรเดียวและมีพระพุทธรูปปางถวายเนตร ประทับยืนทอดพระเนตรไปข้างหน้า ด้วยพระอาการสำรวม พระหัตถ์ทั้งสองห้อยลงมาด้านหน้าพระเพลาโดยพระหัตถ์ขวาซ้อนพระหัตถ์ซ้ายประดิษฐานอยู่ด้านใน สำหรับองค์ที่สองนั้นได้พังลงเหลือเพียงครึ่งเดียว และองค์ที่สามซึ่ง ตั้งอยู่ด้านหลังองค์ใหญ่ได้ถูกพวกมิจฉาชีพขุดและทำลาย เพื่อค้นหาพระหรือวัตถุโบราณ ประชาชนเรียกชื่อว่า พระธาตุกุดจอก เนื่องจากมีลำห้วยกุดจอกอยู่ ใกล้ ๆ ทางทิศเหนือ เดิมเป็นลำห้วยที่ยาวมีน้ำลึกมาก เป็นที่อยู่อาศัยของจระเข้เผือกที่ดุร้าย และฝูงจระเข้เป็นบริวารจำนวนมาก ในด้านอภินิหารนั้น ผู้สูงอายุได้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า หากผู้ใดพูดจาหรือแสดงกริยาอาการลบหลู่ หรือไม่เคารพจะมีอันเป็นไปทันที เช่น ฝูงจระเข้จะขึ้นมาจากลำห้วยรุมทำร้ายกัดฉีกกินเป็นอาหารบางครั้งเกิดมหัศจรรย์ กล่าวคือ มีลมหมุนพัดแรงคล้ายฝนตก น้ำท่วมบริเวณรอบ ๆ พระธาตุ ผู้คนจึงพยายามหลบหนีตาย สักครู่หนึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวก็จะหายไป จึงรู้ว่าไม่มีฝนตกและน้ำท่วม ทำให้ได้รับบาดเจ็บ ในอดีตและปัจจุบัน ประชาชนที่อยู่ในหมู่บ้านบริเวณข้างเคียงศรัทธาเลื่อมใสมาก จะพากันหลั่งไหลมานมัสการพระธาตุกุดจอก จัดงานประเพณี สรงน้ำพระธาตุ ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปี โดยมิได้นัดหมายกัน และชาวบ้านยางน้อย ได้จัดงานรักษาขนบธรรมเนียมไว้ทุกปี บางครั้งมีการจัดงานประจำปี 3 วัน 3 คืน มีมหรสพสมโภชยิ่งใหญ่มาก ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ พระธาตุหนองสามหมื่น สถานที่เกี่ยวกับศาสนาอื่นๆ รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว วัดพระธาตุหนองสามหมื่น ตั้งอยู่ที่ หมู่ 1 บ้านแก้ง ภูเขียว ชัยภูมิ วัดราษฎร์ เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญและน่าสนใจมากแห่งหนึ่งของชัยภูมิ ตั้งอยู่ที่บ้านแก้ง จากตัวเมืองชัยภูมิเดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 201 ผ่านอำเภอภูเขียวไปจนถึงบ้านหนองสองห้องระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2055 อีก 9 กิโลเมตรถึงบ้านแก้งและแยกซ้ายไปวัดพระธาตุหนองสามหมื่นอีกประมาณ 5 กิโลเมตร พระธาตุหนองสามหมื่น เรียกชื่อตามหนองน้ำ ซึ่งอยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของวัด เป็นพระธาตุที่มีลักษณะสวยงาม และสมบูรณ์ที่สุดองค์หนึ่ง ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใดแต่จากลักษณะทางด้านสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมที่ปรากฏ เกิดจากการผสมผสานกันระหว่างศิลปล้านนา ล้านช้าง และอยุธยา สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 21-22 ในสมัยพระไชยเชษฐาธิราชแห่งราชอาณาจักรลาว พระธาตุหนองสามหมื่นมีลักษณะเป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง ตั้งอยู่บนฐานเขียงรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีความสูงประมาณ 45 เมตร มีบันไดทางขึ้นทั้งสี่ด้าน เหนือฐานเขียงเป็นฐานบัวคว่ำบัวหงายรองรับองค์พระธาตุ ซึ่งมีซุ้มทั้งสี่ทิศ ประดิษฐานพระพุทธรูปปางรำพึง และปางลีลา ภายในองค์พระธาตุบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า รูปแบบดังกล่าวอาจเปรียบเทียบได้กับพระธาตุอื่นๆ ทั้งในนครเวียงจันทน์และในเขตไทย เช่น พระธาตุวัดเทพพล เมืองเวียงคุก จังหวัดหนองคาย พระธาตุศรีเมือง นครเวียงจันทน์ เป็นต้น จากหลักฐานทางโบราณคดีพบว่าบริเวณนี้เคยเป็นเมืองโบราณขนาดใหญ่สมัยทวารวดี อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12-16 ปรากฏร่องรอยของคูน้ำ คันดิน และโคกเนินโบราณสถานหลายแห่ง โบราณวัตถุสำคัญที่พบทั้งในและนอกเขตคูเมืองหลายชิ้นได้นำมาเก็บรักษาไว้ที่วัด เช่น กลุ่มใบเสมาหินทราย บางแผ่นก็มีจารึกอักษรปัลลวะภาษาสันสกฤต อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12-14 และมีแผ่นหนึ่งนำไปตั้งเป็นหลักเมืองประจำอำเภอภูเขียวด้วย นอกจากนี้ยังมีประติมากรรมรูปเคารพอีก 2 ชิ้น สภาพชำรุดชิ้นหนึ่งคล้ายเศียรพระพุทธรูปนาคปรกในศิลปะขอมแบบบายน อายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 ประเพณีรำผีฟ้า เป็นการรำบวงสรวงเป็นกลุ่มๆ ที่ภูพระ ซึ่งมีพระเจ้าองค์ตื้อ เป็นพระพุทธรูปแกะสลักหินทราย สูงประมาณ 2 เมตร ชาวบ้านเชื่อว่า มีความศักดิ์สิทธิ์มาก การรำบวงสรวงนี้ จะมีขึ้นในระหว่างวันขึ้น 13-15 ค่ำ เดือน 5 คือเดือนเมษายน และในวันเข้าพรรษา วันออกพรรษา ซึ่งจะมีประชาชนไปทำบุญเป็นจำนวนมาก -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- มอหินขาว สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และอนุสาวรีย์ รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว มอหินขาว เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งที่ถือว่ามีความงดงามทางธรรมชาติไม่แพ้ทุ่งดอกกระเจียวงาม ซึ่งตั้งอยู่ใน เขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา บริเวณบ้านวังคำแคน หมู่ 9 ตำบลท่าหินโงม อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิเดิมพื้นที่ แถวนี้ เป็นป่า ต่อมาได้มีคนมาบุกเบิกทำไร่และก็เห็นมีก้อนหินขนาดใหญ่อยู่ทั่วไปแต่ ก็ไม่ได้สนใจอะไร ที่ไร่ มันสำปะหลัง (ในสมัยนั้น) แต่จากเสียงบอกเล่า มีคนเคยเห็นว่าแปลกประหลาดมาก ก็คือก้อนหินใหญ่ 5 ก้อน ที่ในทุกคืนวันพระ (15 ค่ำ, 8 ค่ำ) จะมีแสง สีขาวส่องขึ้นมา คนเฒ่าคนแก่สมัยนั้น เลยเรียกที่นี่ว่า มอหินขาว สโตนเฮนจ์เมืองไทย เสาหินและแท่งหิน ที่มอหินขาว ส่วนใหญ่ เป็นหินทรายสีขาว นอกจากนี้ก็ยังมี หินทรายแป้ง หินโคลน หินทรายสีม่วง หากมาท่องเที่ยวในฤดูฝน นอกจากนักท่องเที่ยว จะได้ พบเห็น ประติมากรรมทางธรรมชาติที่สวยงามของเสาหินแล้ว ยังได้พบดอกไม้ป่าที่บ้านสะพรั่งอยู่ทั่วมอหินขาวดูแล้ว เป็นภาพที่ สวยงามและน่าชมนัก หากคุณได้เข้ามาสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งป่าเขาที่นี่แล้วจะชวนคุณหลงใหลมิรู้ลืมจนมอหินขาวแห่งนี้เคย ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ของท่านมุ้ย เรื่องพระนเรศวรมหาราช มาแล้ว นี่คืออีกหนึ่งความท้าทายของ นักแคมป์ปิ้งไม่ควรพลาดได้มาพิสูจน์กัน มอหินขาว มีกลุ่มหินอยู่หลายแห่งด้วยกัน เมื่อเรามาถึงมอหินขาว ก็จะถึง กลุ่มหินชุดแรก คือ “เสาหิน 5 ต้น” เป็นหินที่มีความสูง ประมาณ 12 เมตร จำนวนหนึ่งใน 5 มีต้นหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ขนาด 22 คนโอบ เสาหิน 5 ต้นนี้นับเป็น เสาหินที่เด่นที่สุด และเป็นจุดน่าสนใจของการมาเที่ยวมอหินขาว ถัดจากกลุ่มหินชุดแรกไปเล็กน้อยจะถึงบริเวณลานกางเต็นท์ มีห้องน้ำบริการจากจุดนี้มีเส้นทางเดินไปยังกลุ่มหิน และจุดชมวิว ได้แก่ หินเจดีย์โขลงช้าง ระยะทางเดินเท้า 650 เมตร ลานหินต้นไทร 900 เมตร สวนหินล้านปี 1,250 เมตร และจุดชมวิวผาหัวนาค 2,500 เมตรซึ่งเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบลุยพักนอนกลางเต็นท์ ชม ธรรมชาติกลางป่าเขายิ่งนัก แล้วก็มาถึง หินกลุ่มที่ 2 อยู่ห่าง จากลุ่มแรกประมาณ 500 เมตร เรียกรวมกัน ว่า "ดงหิน"มีแท่งหินรูปร่างแปลกประหลาดมากมาย มีรูปร่างคล้ายเจดีย์ กระดองเต่ารองเท้าบูท และบริเวณหินกลุ่ม นี้เรายังสามารถขึ้นไปชมวิวที่กว้างไกลสุดสายตาของที่นี่ได้ ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- อุทยานแห่งชาติตาดโตน (อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า) รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนาฝาย ตำบลท่าหินโงม ตำบลห้วยต้อน และตำบลนาเสียว อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาภูแลนคา มีพื้นที่ทั้งหมด 135,737.50 ไร่ หรือประมาณ 217 ตารางกิโลเมตร และเป็นส่วนหนึ่งของต้นน้ำลำธารที่สำคัญของจังหวัดชัยภูมิ คือ ลำปะทาว และต้นน้ำชี มีน้ำตกที่สวยงามหลายแห่ง ได้แก่ น้ำตกตาดโตน น้ำตกตาดฟ้า และน้ำตกผาเอียง ด้วยสภาพพื้นที่เป็นภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน มีด้านลาดทางทิศใต้ และเป็นแนวสันเขายาวตั้งแต่ปราจีนบุรีผ่านเขาใหญ่ ชัยภูมิผ่านไปถึงเลย ลักษณะเช่นนี้จึงทำให้บริเวณอุทยานแห่งชาติตาดโตนเป็นแนวอับฝน อากาศจึงค่อนข้างร้อน แต่เนื่องจากสภาพโดยทั่วไปยังเป็นป่าที่มีสภาพสมบูรณ์พอสมควร จึงทำให้อุทยานแห่งชาติค่อนข้างเย็นสบาย พรรณไม้ที่สำคัญประกอบด้วยป่าเต็งรัง และป่าดิบแล้ง ชนิดไม้ในป่า มีเต็ง รัง พลวง กระบก กระโดน พะยอม รัก ประดู่ มะค่า ยาง กระบาก ตะเคียน ฯลฯ และไม้พื้นล่างส่วนใหญ่เป็นหญ้าเพ็ก สัตว์ป่ามี เก้ง หมูป่า พังพอน กระต่าย กระรอก กระแต ไก่ป่า และนกชนิดต่าง ๆ การเดินทาง จากตัวเมืองทางหลวงหมายเลข 2159 และเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2051 ระยะทางจากตัวเมืองถึงที่ทำการอุทยานฯ ระยะทางประมาณ 21 กิโลเมตร เป็นถนนลาดยางตลอดสาย สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ ได้แก่ น้ำตกตาดโตน เป็นน้ำตกที่สวยงามใกล้ที่ทำการอุทยานฯ มีน้ำไหลตลอดปี โดยเฉพาะในฤดูฝนจะสวยงามเป็นพิเศษ มีความสูงประมาณ 6 เมตร และกว้าง 50 เมตร ด้านบนเป็นธารน้ำไหลผ่านลานหินสองฝั่งธารร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ เหมาะที่จะนั่งพักผ่อนชมธรรมชาติและเล่นน้ำ บริเวณน้ำตกมี ศาลเจ้าพ่อตาดโตน (ศาลปู่ด้วง) อีกด้วย ใกล้กับน้ำตกตาดโตนมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลนักท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด และยังมีลานกิจกรรมใกล้น้ำตกสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อน หรือมาทำกิจกรรมเป็นหมูคณะอีกด้วยบริเวณน้ำตกเป็นลานหินกว้าง มีน้ำไหลตลอดทั้งปี เนื่องจากมีน้ำถูกปล่อยมาจากเขื่อนลำปะทาว ด่านล่างของน้ำตกสามารถเล่นน้ำได้ เป็นจุดๆ เพราะช่วงหน้าฝน จะมีน้ำมาก อาจเกิดอันตรายได้ ค่าเข้าชม คนไทยผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท /ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- อุทยานแห่งชาติไทรทอง (อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า) รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติไทรทอง ครอบคลุมพื้นที่ป่าบนเทือกเขาพังเหย ในอำเภอหนองบัวระเหว เทพสถิต ภักดีชุมพล และหนองบัวแดง มีเนื้อที่ 319 ตารางกิโลเมตร เป็นป่าต้นน้ำลำธารของลำห้วยหลายสายซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำชี สภาพป่าเป็นป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง ผสมกับป่าเบญจพรรณ มีต้นไผ่รวกขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์สวยงาม ภายในอุทยานฯ มีสถานที่น่าสนใจคือ น้ำตกไทรทอง ห่างจากที่ทำการ 1 กิโลเมตรไปตามทางรถยนต์และเดินเท้าอีก 400 เมตร เป็นน้ำตกชั้นเตี้ย ๆ สูงเพียง 5 เมตรแต่มีความกว้างประมาณ 80 เมตร ด้านหน้าเป็นแอ่งน้ำใหญ่ สามารถลงเล่นน้ำได้เรียกว่า วังไทร เหนือน้ำตกมีวังน้ำขนาดใหญ่เรียกว่า วังเงือก น้ำไหลลงตามความคดเคี้ยวและความลาดชันของลานหินลงสู่น้ำตกไทรทอง มีความยาว 150 เมตร จากน้ำตกไทรทองขึ้นไปถึงน้ำตกชวนชมมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทาง 2 กิโลเมตร มีจุดเด่นต่าง ๆ ตามเส้นทาง เช่น ผาพิมใจ ดงเฟิร์นข้าหลวงหลังหลาย น้ำตกบุษบากร เป็นเส้นทางที่ร่มรื่นมีพันธุ์ไม้หลากหลายสวยงามให้ชมตลอดเส้นทาง น้ำตกชวนชม อยู่เหนือน้ำตกไทรทองไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ 2 กิโลเมตร น้ำตกมีความสูง 20 เมตร รอบบริเวณมีต้นไม้ร่มรื่นทุ่งบัวสวรรค์ หรือทุ่งดอกกระเจียว อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 10 กิโลเมตร บริเวณสันเขาพังเหยด้าน ทิศตะวันตก ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม ต้นกระเจียวจะออกดอกสวยงามเต็มทุ่ง มีทั้งดอกสีชมพูและสีขาว ผาพ่อเมือง อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นแนวหน้าผาตามสันเขาพังเหยด้านตะวันตก ตามเส้นทางขึ้นสู่ทุ่งบัวสวรรค์ ยาวประมาณ 3 กิโลเมตร สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 700-908 เมตร มองลงไปเป็นตัวอำเภอภักดีชุมพลและเทือกเขาพญาฝ่อ ที่กั้นระหว่างชัยภูมิกับเพชรบูรณ์ มีเส้นทางเดินชมธรรมชาติลัดเลาะตามแนวหน้าผาซึ่งมีจุดชมวิวเด่น ๆ อีก 4 จุด คือ ผาเพลินใจ ผาอาทิตย์ อัสดง ผาสวนสวรรค์และผาหำหด ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหน้าผาที่หวาดเสียวที่สุดเมื่อขึ้นไป นั่งบนชะง่อนหินนั้น ค่าเข้าชม คนไทยผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท /ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- #ขอบคุณข้อมูลและภาพทั้งหมดจาก เว็ปไซด์ ททท.
|
|||
#เที่ยวกับAKสนุก,ประหยัด,คุ้มค่า,สะดวก,จริงใจ
#ทำเรื่องเที่ยวให้เป็นเรื่องง่าย ใครก็เที่ยวได้เที่ยวกับเราสิคะAK
#AK
|
|||
|
||
โครงการพิเศษสำหรับสมาชิก
|
||
![]() |
![]() |
|
A K Hotels Exclusive Club | AK Hotels Privilege Club | |
|
ปาย....เป็นเมืองเล็กๆ ทางตอนเหนือของจังหวัดแม่ฮ่องสอน...
กระบี่....... นอกจากกระบี่จะเป็นเมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก (มาก) แล้ว...
พัทยา มีมากกว่าทะเล 4 บรรยากาศ หลากสไตล์...
ทริปนี้ ที่เชียงใหม่....ดินแดนแห่งขุนเขาและสายหมอก พื้นที่อุดมสมบูรณ์ ธรรมชาติที่สวยงาม "เชียงใหม่ ไนท์...
“ เกาะลันตา ” เป็นชื่อเกาะขนาดใหญ่ มีรูปร่างเรียวยาว พื้นที่ 472 ตารางกิโลเมตร...
สะสมคะแนน ยิ่งใช้ ยิ่งได้ ยิ่งคุ้ม ครบทุกไลฟ์สไตล์ ของการพักผ่อน รับคะแนนสะสม เมื่อใช้จ่ายผ่าน เอ เค ...................................... Travel ...................................... Voucher |
![]() |