รีวิวจากลูกค้า ( Review ) แบ่งปันภาพสวย ๆ ในช่วงเวลาแห่งความสุข #โดนใจ

ส่วนลด สถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำ เมืองพัทยา
ส่วนลด สถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำ เมืองพัทยา
ส่วนลด สถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำ เมืองเชียงใหม่
ส่วนลด ล่องเรือเจ้าพระยา พร้อมดินเนอร์แบบบุฟเฟต์
ส่วนลด โรงแรม & รีสอร์ท ทั่วประเทศไทย
Hot Promotions of the monthly
 

                       ....    หนองคาย    ....                       

          "   วีรกรรมปราบฮ่อ         หลวงพ่อพระใส            สะพานไทยลาว   "

 
 

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

วัดผาตากเสื้อ

 
  จังหวัดหนองคายมีเนื้อที่ประมาณ 7,332 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 4.58 ล้านไร่ เป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 27 ของประเทศ และมีพื้นที่ติดแม่น้ำโขงมากที่สุดเป็นระยะทาง 320 กิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบสูง มีพื้นที่เป็นคลื่นลอนชันและป่าธรรมชาติอยู่บ้าง และมีพื้นที่ราบบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ส่วนทางทิศตะวันตกบริเวณเทือกเขาต่างๆ เป็นภูเขาสูงชัน​  
     
 

จุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์เมืองหนองคายเริ่มขึ้นเมื่อกว่า 200 ปีมาแล้ว จากชุมชนเมืองเล็กๆ 4 เมืองริมฝั่งแม่น้ำโขง คือ เมืองพรานพร้าว เมืองเวียงคุก เมืองปะโค และเมืองไผ่ (บ้านบึงค่าย) ซึ่งปัจจุบันยังพบซากโบราณสถานของเมืองต่างๆ เหล่านี้ได้ตามวัดต่างๆ บนเส้นทางเลียบริมแม่น้ำโขงสายท่าบ่อ-ศรีเชียงใหม่

ในปี พ.ศ. 2369 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าอนุวงศ์ผู้ครองนครเวียงจันทน์ได้ตั้งตนเป็นกบฏ ไม่ยอมขึ้นกับไทย และได้ยกทัพมากวาดต้อนผู้คนในเขตแดนไทยกลับไปเป็นเชลย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาราชเทวียกทัพไปตีเมืองเวียงจันทน์ โดยมีท้าวสุวอธรรมา (บุญมา) เจ้าเมืองยโสธร และพระยาเชียงสา เป็นกำลังสำคัญในการช่วยทำศึกปราบกบฏจนได้รับชัยชนะ และสามารถจับกุมตัวเจ้าอนุวงศ์ลงมายังกรุงเทพฯ ได้สำเร็จ

ต่อมาใน พ.ศ. 2370 รัชกาลที่ 3 จึงพระราชทานบำเหน็จให้ท้าวสุวอธรรมาสร้างเมืองขึ้นที่บ้านไผ่ เรียกชื่อว่า “เมืองหนองคาย” ตามชื่อของหนองน้ำใหญ่ทางทิศตะวันตกของเมือง และโปรดเกล้าฯ ให้ท้าวสุวอธรรมาขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองคนแรกของเมืองหนองคาย

ใน พ.ศ. 2434 เมืองหนองคายได้เป็นสถานที่ตั้งของมณฑลลาวพวน และใน พ.ศ. 2436 เมื่อไทยเสียดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงให้กับฝรั่งเศส จึงได้มีการย้ายที่ทำการมณฑลไปตั้งที่บ้านหมากแข้ง ต่อมาในปี พ.ศ. 2443 ได้จัดตั้งมณฑลอุดรขึ้นที่บ้านหมากแข้ง เมืองหนองคายจึงมีฐานะเป็นเมืองหนึ่งของมณฑลอุดร

จนถึงปี พ.ศ. 2476 ได้มีการยกเลิกการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล เมืองหนองคายจึงได้แยกตัวออกมาจากมณฑลอุดร และมีฐานะเป็น “จังหวัดหนองคาย” นับแต่นั้นมา

ปัจจุบันจังหวัดหนองคายแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 13 อำเภอ 4 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองหนองคาย อำเภอท่าบ่อ อำเภอบึงกาฬ อำเภอพรเจริญ อำเภอโพนพิสัย อำเภอโซ่พิสัย อำเภอศรีเชียงใหม่ อำเภอสังคม อำเภอเซกา อำเภอปากคาด อำเภอบึงโขงหลง อำเภอศรีวิไล อำเภอบุ่งคล้า กิ่งอำเภอสระใคร กิ่งอำเภอเฝ้าไร่ กิ่งอำเภอรัตนวาปี และกิ่งอำเภอโพธิ์ตาก

ข้อมูลทั่วไป

จังหวัดหนองคายเป็นจังหวัดชายแดนริมฝั่งแม่น้ำโขงที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง เพราะเป็นประตูสู่เมืองเวียงจันทน์ เมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นที่ตั้งของสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งแรก ที่เชื่อมโยงประเทศไทย-ลาวเข้าด้วยกัน ทำให้หนองคายในวันนี้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญเมืองหนึ่ง โดยเฉพาะเป็นจุดชมบั้งไฟพญานาคในวันออกพรรษาที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก

และด้วยความที่เป็นเมืองสงบเงียบ เรียบง่าย เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งศาสนา วัฒนธรรมประเพณี และวิถีชีวิตพื้นบ้าน ที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัวและมีเสน่ห์ ทั้งยังอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ หลากหลายไปด้วยอาหารการกินและสินค้านานาชนิด มีโรงแรมที่พักมากมาย และการคมนาคมสะดวกสบาย เมืองริมโขงแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่นักเดินทางไม่ควรพลาดมาเยี่ยมเยือน

จังหวัดหนองคายมีเนื้อที่ประมาณ 7,332 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 4.58 ล้านไร่ เป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 27 ของประเทศ และมีพื้นที่ติดแม่น้ำโขงมากที่สุดเป็นระยะทาง 320 กิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบสูง มีพื้นที่เป็นคลื่นลอนชันและป่าธรรมชาติอยู่บ้าง และมีพื้นที่ราบบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ส่วนทางทิศตะวันตกบริเวณเทือกเขาต่างๆ เป็นภูเขาสูงชัน

จุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์เมืองหนองคายเริ่มขึ้นเมื่อกว่า 200 ปีมาแล้ว จากชุมชนเมืองเล็กๆ 4 เมืองริมฝั่งแม่น้ำโขง คือ เมืองพรานพร้าว เมืองเวียงคุก เมืองปะโค และเมืองไผ่ (บ้านบึงค่าย) ซึ่งปัจจุบันยังพบซากโบราณสถานของเมืองต่างๆ เหล่านี้ได้ตามวัดต่างๆ บนเส้นทางเลียบริมแม่น้ำโขงสายท่าบ่อ-ศรีเชียงใหม่

ในปี พ.ศ. 2369 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าอนุวงศ์ผู้ครองนครเวียงจันทน์ได้ตั้งตนเป็นกบฏ ไม่ยอมขึ้นกับไทย และได้ยกทัพมากวาดต้อนผู้คนในเขตแดนไทยกลับไปเป็นเชลย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาราชเทวียกทัพไปตีเมืองเวียงจันทน์ โดยมีท้าวสุวอธรรมา (บุญมา) เจ้าเมืองยโสธร และพระยาเชียงสา เป็นกำลังสำคัญในการช่วยทำศึกปราบกบฏจนได้รับชัยชนะ และสามารถจับกุมตัวเจ้าอนุวงศ์ลงมายังกรุงเทพฯ ได้สำเร็จ

ต่อมาใน พ.ศ. 2370 รัชกาลที่ 3 จึงพระราชทานบำเหน็จให้ท้าวสุวอธรรมาสร้างเมืองขึ้นที่บ้านไผ่ เรียกชื่อว่า “เมืองหนองคาย” ตามชื่อของหนองน้ำใหญ่ทางทิศตะวันตกของเมือง และโปรดเกล้าฯ ให้ท้าวสุวอธรรมาขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองคนแรกของเมืองหนองคาย

ใน พ.ศ. 2434 เมืองหนองคายได้เป็นสถานที่ตั้งของมณฑลลาวพวน และใน พ.ศ. 2436 เมื่อไทยเสียดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงให้กับฝรั่งเศส จึงได้มีการย้ายที่ทำการมณฑลไปตั้งที่บ้านหมากแข้ง ต่อมาในปี พ.ศ. 2443 ได้จัดตั้งมณฑลอุดรขึ้นที่บ้านหมากแข้ง เมืองหนองคายจึงมีฐานะเป็นเมืองหนึ่งของมณฑลอุดร

จนถึงปี พ.ศ. 2476 ได้มีการยกเลิกการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล เมืองหนองคายจึงได้แยกตัวออกมาจากมณฑลอุดร และมีฐานะเป็น “จังหวัดหนองคาย” นับแต่นั้นมา

ปัจจุบันจังหวัดหนองคายแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 13 อำเภอ 4 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองหนองคาย อำเภอท่าบ่อ อำเภอบึงกาฬ อำเภอพรเจริญ อำเภอโพนพิสัย อำเภอโซ่พิสัย อำเภอศรีเชียงใหม่ อำเภอสังคม อำเภอเซกา อำเภอปากคาด อำเภอบึงโขงหลง อำเภอศรีวิไล อำเภอบุ่งคล้า กิ่งอำเภอสระใคร กิ่งอำเภอเฝ้าไร่ กิ่งอำเภอรัตนวาปี และกิ่งอำเภอโพธิ์ตาก

ทิปส์ท่องเที่ยว

สำหรับคนที่ชอบขับรถเที่ยว ไม่ควรพลาดขับรถชมทิวทัศน์สวยงามบนถนนเลียบแม่น้ำโขง บนเส้นทางหมายเลข 211 ที่ขับเที่ยวต่อไปได้ถึงอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย

ที่พัก

จังหวัดหนองคายมีที่พักหลายรูปแบบ ทั้งโรงแรมหลากหลายขนาด รีสอร์ต เกสต์เฮาส์ แมนชั่น อพาร์ตเมนต์ และบังกะโล โดยมีอยู่จำนวนมากในอำเภอเมืองฯ และตลอดริมฝั่งแม่น้ำโขงในอำเภอศรีเชียงใหม่ อำเภอโพนพิสัย กิ่งอำเภอรัตนวาปี อำเภอปากคาด และอำเภอบุ่งคล้า ราคาห้องพักเริ่มตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลายพันบาท ขึ้นอยู่กับประเภทของห้องพักและที่ตั้ง

ในอำเภอเมืองฯ และอำเภอศรีเชียงใหม่ มีที่พักแบบโฮมสเตย์หลายแห่ง ดำเนินการโดยชาวบ้านที่รวมกลุ่มกันจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยยังคงรูปแบบวัฒนธรรมความเป็นอยู่ และวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้และสัมผัสอย่างใกล้ชิด โฮมสเตย์เหล่านี้มีบริการที่พัก อาหาร และนำเที่ยว ในราคาที่ไม่แพง

นอกจากนี้ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัวมีบริการบ้านพัก จุดกางเต็นท์ และเต็นท์ให้เช่าในราคาย่อมเยา สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบและต้องการใกล้ชิดธรรมชาติเป็นพิเศษ รวมทั้งผู้ที่นิยมการพักผ่อนในบรรยากาศแบบแค้มปิ้งด้วย ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

สถานที่ท่องเที่ยว

จังหวัดหนองคายมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่มีชื่อเสียงมากมายและหลากหลายรูปแบบ เช่น วัดโพธิ์ชัย พระธาตุหนองคาย หรือพระธาตุกลางน้ำ วัดหินหมากเป้ง ภูทอก พระธาตุบังพวน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว สะพานมิตรภาพไทย-ลาว ตลาดท่าเสด็จ ฯลฯ

กิจกรรมท่องเที่ยว

จังหวัดหนองคายมีกิจกรรมท่องเที่ยวหลากหลาย เช่น เยี่ยมชมและนมัสการหลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย ชมพระธาตุกลางน้ำ ขึ้นภูทอกชมทิวทัศน์และนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ฝึกปฏิบัติธรรมที่วัดหินหมากเป้ง ดูนกน้ำที่บึงโขงหลง ขี่จักรยานท่องเที่ยว เที่ยวถ้ำ เที่ยวน้ำตก เดินป่าศึกษาธรรมชาติ เป็นต้น

อาหารและเครื่องดื่ม

อาหารการกินในจังหวัดหนองคายมีให้เลือกมากมาย ทั้งอาหารตามสั่ง อาหารจานเดียว สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบลิ้มรสอาหารท้องถิ่น ร้านอาหารในตัวเมือง ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และในตลาดสด มีอาหารพื้นเมืองหลายเมนูให้ลองชิม

สำหรับสถานบันเทิงแนวไนต์ไลฟ์นั้น ในตัวเมืองหนองคายและบริเวณริมน้ำโขงมีผับหลายแห่งเปิดให้บริการ รวมทั้งในโรงแรม รีสอร์ตส่วนใหญ่ ก็มีผับ บาร์ ที่น่าไปนั่งจิบเครื่องดื่ม พร้อมฟังดนตรีเพราะๆ ในยามค่ำคืน

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว.....

 
 

ตลาดท่าเสด็จ

ตลาดท้องถิ่น ตลาดน้ำ

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

 
 

“ตลาดท่าเสด็จ” “ตลาดท่าเรือ” หรือ“ตลาดอินโดจีน” ไม่ว่าจะชื่อไหนก็ล้วนแล้วแต่เป็นชื่อที่ใช้เรียกขานของตลาดขนาดใหญ่ริมแม่น้ำโขงในเขตเทศบาลเมืองหนองคายเหมือนกันซึ่งที่มาของชื่อตลาดก็ตั้งกันตามลักษณะของตลาดนี่แหละครับ อย่างชื่อแรกที่เรียกกันว่า “ตลาดอินโดจีน” ก็เป็นเพราะ ตลาดแห่งนี้เป็นศูนย์รวมสินค้าจากหลากหลายประเทศในแถบอินโดจีนไม่ว่าจะเป็นไทยลาว เวียดนาม จีนฯลฯส่วนที่มาของอีกสองชื่อก็เริ่มมาจาก ในอดีตก่อนที่จะมีการสร้างสะพานมิตรภาพไทย– ลาวท่าเรือของตลาดสินค้าอินโดจีนริมแม่น้ำโขงแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นจุดผ่านแดนถาวรสำหรับผู้ที่ต้องการจะเดินทางไปมาระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว บริเวณนี้จึงมีเรือข้ามฟากสัญจรไปมาระหว่างสองฝั่งแม่น้ำโขงอย่างคึกคักคนท้องถิ่นจึงนิยมเรียกชื่อตลาดแห่งนี้ในอีกชื่อหนึ่งว่า“ตลาดท่าเรือ” ต่อมาในปี พ.ศ.2498 ได้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช” พร้อมด้วย “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ” ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมเยียนราษฎรผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดหนองคายและได้เสด็จฯขึ้นจากเรือพระที่นั่ง ณ ท่าเรือของตลาดสินค้าอินโดจีนแห่งนี้ภายหลัง “ตลาดท่าเรือ” จึงได้ถูกเปลี่ยนชื่อไปเป็น “ตลาดท่าเสด็จ” และเรียกติดปากกันมาจนปัจจุบัน

ประเภทของสินค้าที่มีจำหน่ายอยู่ในตลาดท่าเสด็จนี้ก็หลากหลายไม่แพ้ที่ไหนๆเริ่มกันตั้งแต่ข้าวของเครื่องใช้ธรรมดาๆ เครื่องไฟฟ้า ของเด็กเล่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับผ้าทอมือเครื่องครัว เครื่องกระเบื้อง ของแต่งบ้าน เครื่องมือช่าง ขนมขบเคี้ยว ของแห้ง ผลไม้สดผลไม้แห้งแม้กระทั่งอาหารปรุงสำเร็จก็มีให้เลือกซื้ออีกสารพัด ส่วนของฝากขึ้นชื่อที่เราแนะนำว่าไม่ควรพลาดซื้อติดมือกลับบ้านไปก็คือ หมูยอ กุนเชียง และไส้กรอกอีสาน ซึ่งก็มีให้เลือกหลายร้าน เราสามารถเลือกชิมและต่อรองราคากันได้ ถูกใจร้านไหนก็ซื้อหากันได้เต็มที่ ส่วนพื้นที่ช่วงตอนกลางๆ ของตลาดท่าเสด็จ จะมีร้านจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชนจังหวัดหนองคายในพระบรมราชินูปถัมภ์ “ณ ตลาดท่าเรือ” ตั้งอยู่ นอกจากสินค้าเกรดพรีเมี่ยมที่คัดสรรกันมาให้เลือกซื้อหาแล้ว บริเวณนี้ยังเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญที่บรรดานักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกับป้ายพญานาคสองเศียรไว้เป็นที่ระลึก ถ้าเดินช็อปกันมาเหนื่อยๆ ก็แวะพักดื่มน้ำดื่มท่า จิบกาแฟกันได้ ทั้งทิวทัศน์ริมแม่น้ำโขงที่สวยงาม และมุมถ่ายภาพเก๋ๆ ที่ทางร้านจัดเตรียมไว้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำเลบริเวณนี้จะคึกคักเป็นพิเศษ

                                                         --------------------------------------------------------------------------------------------

 
 

พระธาตุบังพวน

สถานที่เกี่ยวกับศาสนาอื่นๆ

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

พระธาตุบังพวน ตั้งอยู่ที่วัดพระธาตุบังพวน บ้านดอนหมู ตำบลพระธาตุบังพวน ห่างจากอำเภอเมืองหนองคาย ประมาณ 21 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 2 (หนองคาย-อุดรธานี) ประมาณ 11 กิโลเมตร แล้วแยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 211 (หนองคาย-ท่าบ่อ) ถึงบริเวณกิโลเมตรที่ 10 วัดจะอยู่ด้านขวามือริมทาง

เดิมพระธาตุบังพวนเป็นเจดีย์เก่าแก่ เป็นที่เคารพสักการะของชาวหนองคายมาช้านานตัวองค์พระธาตุเดิมเป็นเจดีย์สร้างด้วยอิฐเผา มีรูปทรงแบบสถาปัตยกรรมท้องถิ่น ลักษณะเจดีย์ เป็นรูปสถูปแบบอินเดียรุ่นเดียวกับองค์พระปฐมเจดีย์ เจดีย์องค์ปัจจุบันบูรณะขึ้นใหม่โดยกรมศิลปากรในระหว่างปี พ.ศ. 2519-2521 หลังจากที่องค์เดิมได้พังทลายลงเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2513 เนื่องจากฐานทรุด พระธาตุองค์ปัจจุบันมีฐานทักษิณ 5 ชั้น กว้าง 17.20 เมตร สูงถึงยอดฉัตร 34.25 เมตร รูปปรางค์สี่เหลี่ยมต่อกันเป็นบัวปากระฆังชั้นที่ 6 เป็นรูประฆังคว่ำ ชั้นที่ 7 เป็นรูปดาวปลี และเหนือชั้นไปเป็นที่ตั้งฉัตรและบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีสถานที่สำคัญคือ

ในวัดพระธาตุบังพวนนอกจากจะมีพระธาตุบังพวนเป็นศูนย์รวมจิตใจและเป็นเจดีย์ประธานแล้ว ยังมีสิ่งน่าสนใจอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สถูปเจดีย์เก่าแก่ พระพุทธรูปโบราณศิลปะล้านช้างที่น่าสนใจยิ่ง โบสถ์โบราณที่เหลือเพียงซากอิฐก่อระดับเอว รวมถึงสถานที่เกี่ยวกับพญานาคอีกแห่งหนึ่ง นั่นก็คือ “สระมุจลินท์” หรือ “สระพญานาค” สระน้ำเก่าแก่สุดคลาสสิค ที่มีตำนานเล่าว่า หลังอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าบรรจุไว้ในองค์พระธาตุ ได้เกิดปรากฏการณ์ประหลาด มีสายน้ำพวยพุ่งออกมาจากพื้นดินซึ่งเชื่อว่านี่คือปากปล่องภูพญานาคที่เฝ้าปกปักรักษาพระธาตุบังพวน จึงมีการขุดเป็นสระน้ำขึ้นตามมาในภายหลัง

พิพิธภัณฑ์พระธาตุบังพวน ซึ่งเป็นห้องเล็กๆ อยู่ใกล้กับองค์พระธาตุ ซึ่งภายในจะเก็บซากเศษหิน ใบเสมา ศิลาจารึก ตลอดจนโบราณวัตถุของพระธาตุองค์เก่า รวมทั้งประวัติขององค์พระธาตุ

สระพญานาค อยู่ในบริเวณใกล้ๆ องค์พระธาตุ ซึ่งในสมัยโบราณเมื่อมีการแต่งตั้งผู้ใดเป็นเจ้าเมือง ก็จะนำน้ำจากสระนี้ไปสรงเพื่อเป็นสิริมงคล ในสมัยต่อมาสระพญานาคก็ทรุดโทรมลงตามกาลเวลา จนกระทั่งชาวบ้านและประชาชนที่มีจิตศรัทธาได้ร่วมกันบริจาคและทำการบูรณะสระพญานาคเพื่อใช้น้ำในสระนี้นำไปประกอบพิธีมงคลต่างๆ เพื่อความเป็นสิริมงคล

ทุกปีชาวจังหวัดหนองคายจะจัดงานนมัสการพระธาตุบังพวนขึ้นในเดือนยี่ ขึ้น 11 ค่ำ

 ---------------------------------------------------------------------------------------

 
 

พระธาตุหนองคาย หรือ พระธาตุกลางน้ำ

สถานที่เกี่ยวกับศาสนาอื่นๆสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และอนุสาวรีย์

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ พระธาตุหนองคาย

 
 

พระธาตุหนองคาย หรือพระธาตุกลางน้ำ หรืออีกชื่อ พระธาตุหล้าหนอง เป็นพระธาตุที่มีขนาดใหญ่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง เนื่องจาก แม่น้ำเชี่ยวกรากจึงกัดเซาะตลิ่งจนพระธาตุพังลงในแม่น้ำ ทำให้ปัจจุบันองค์พระธาตุจมอยู่กลางแม่น้ำโขงห่างจากฝั่งไทย 180 เมตร องค์พระธาตุก่อด้วยอิฐถือปูน ล้มตะแคงไปตามกระแสน้ำ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีฐานเหลี่ยมมุมฉาก โดยด้านหนึ่ง โผล่ ขึ้นมาเหนือน้ำเพียงครึ่งฐาน องค์พระธาตุมีรูปทรงทางสถาปัตยกรรมเท่าที่ยังเหลืออยู่เป็นชั้นฐานเขียง 2 ชั้น ฐานสี่เหลี่ยม ย่อเก็จ ต่อขึ้นมาอีก 4 ชั้น จึงเป็นเรือนธาตุ ต่อด้วยบัวลูกแก้วอีก 2 ชั้น ความสูงของเจดีย์เฉพาะส่วนที่สัมผัสได้ 12.20 เมตร ความกว้างของ ฐานองค์พระธาตุชั้นล่างสุด 15.80 เมตร

พระธาตุหนองคาย เป็นที่เคารพสักการะของชาวหนองคายอย่างมาก ทางจังหวัดจึงได้สร้างพระธาตุองค์จำลองขึ้น มาบริเวณ ริมฝั่งแม่น้ำโขงและบรรจุชิ้นส่วนองค์พระธาตุจากองค์เดิมไว้ภายใน และยังเป็นการป้องกันการกัดเซาะตลิ่งด้วย ขนาด พระธาตุ องค์จำลอง ฐานกว้าง 10x10 เมตร ความสูงประมาณ 15 เมตร พร้อมทั้งการเสริมสร้างเสถียรภาพตลิ่งและป้องกัน การกัดเซาะตลิ่ง ตลอดความยาว 194 เมตร นอกจากนี้ยังมีการจัดสภาพภูมิทัศน์โดยรอบให้มีความสวยงาม

พระธาตุหนองคาย เป็นที่เคารพสักการะของชาวหนองคาย และชาวบ้านได้จัดงานประเพณีเกี่ยวกับพระธาตุในทุกปี คือ ประเพณีบุญบั้งไฟ เดือน 6 เพื่อจุดถวายองค์พระธาตุ ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 6 พิธีบวงสรวงองค์พระธาตุ วันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ถวายปราสาทผึ้ง วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 และการแข่งเรือยาววันออกพรรษาทุกปี เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา

พระธาตุหนองคาย หรือพระธาตุกลางน้ำเดิมชื่อพระธาตุหล้าหนองเป็นพระธาตุที่หักพังอยู่กลางลำน้ำโขง เป็นที่ประดิษฐาน พระบรมธาตุ ฝ่าพระบาทเก้าพระองค์ตามตำนานอุรังคธาตุ หรือตำนานพระธาตุพนมจากการสำรวจใต้น้ำของหน่วยโบราณคดีภาค 7 พบว่าองค์พระธาตุมีฐานกว้างด้านละ 17.2 เมตร ย่อมุมที่ฐาน และมีความสูงประมาณ 28.5 เมตร หักออกเป็น 3 ท่อน สันนิษฐานว่า น่าจะสร้างในราวพุทธศตวรรษที่ 20–22 เนื่องจากมีรูปร่างคล้ายพระธาตุบังพวน ในหนังสืออุรังคธาตุ หรือตำนานพระธาตุพนม ตอนหนึ่งได้กล่าวถึงการสร้างพระธาตุหล้าหนองว่า พระธาตุองค์นี้ สร้างโดยพระอรหันต์5 องค์ ประกอบด้วย พระมหารัตนเถระพระจุลรัตนเถระพระมหาสุวรรณปราสาทเถระพระจุลสุวรรณปราสาทเถระ และพระสังฆวิชัยเถระ ที่ล้วนเป็นศิษย์พระพุทธรักขิต พระธรรมรักขิต พระสังฆรักขิต พระอรหันต์ทั้ง 3 องค์ พระอรหันต์ทั้ง 5 ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของ พระพุทธเจ้าจา ประเทศอินเดียมาพร้อมกันและได้อัญเชิญไปประดิษฐาน

                                   ---------------------------------------------------------------------------------------------

 
 

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจังหวัดหนองคาย

สวนสัตว์ และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

 
 

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจังหวัดหนองคาย  เป็นสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ  ที่จัดแสดงพันธุ์ปลาต่างๆ  ทั้งปลาน้ำจืดและปลาน้ำเค็ม    ได้รับความเห็นชอบให้ดำเนินการตามมติ  ครม.  ครั้งที่  44/2546 (นัดพิเศษ)  เมื่อวันที่  17  พฤศจิกายน  2546  เพื่อตอบสนองต่อเป้าประสงค์ในการเป็นศูนย์กลางการศึกษา  การวิจัยด้านการประมง  การรวบรวมพันธุ์ปลาในลุ่มน้ำโขง  ตลอดจนการจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำในมิติของการบูรณาการ  และตอบสนองในการเป็นเมืองท่องเที่ยว   เริ่มการก่อสร้างเมื่อต้นปี  พ.ศ.2549  และแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์  พ.ศ.2552  เริ่มทดลองเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่  10  เมษายน  พ.ศ.2552

ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น (วิทยาเขตหนองคาย) ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ มีอุโมงปลายาวถึง 34 เมตร เป็นทางเดินลาดจากชั้น 2 ซึ่งแสดงปลาน้ำเค็ม ลงไปสู่ชั้นล่างซึ่งเป็นโซนแสดงปลาน้ำจืด และปลาโบราณพื้นบ้าน ปลาลุ่มน้ำโขง จัดแสดงไว้อย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงปลาบึกพันธุ์แท้น้ำหนักว่า 120 กก. นอกจากนี้ ยังมีปลาการ์ตูน ปลาฉลามทราย ฉลามหนูหรือปลาเทโพ

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้เข้าชมระหว่างเวลา 9.00-16.00 น. (หยุดวันจันทร์ ยกเว้นวันนักขัตฤกษ์) โดยจะมีโชว์ดำน้ำให้อาหารปลาในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 13.45 น. ซึ่งเป็นเวลาให้อาหารปลา ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่คนละ 50 บาท เด็ก 30 บาท สอบถามโทร. 0 4241 56000 4241 5623

การแสดงโชว์พิเศษ

ชมการแสดงโชว์ดำน้ำให้อาหารปลา วันอังคาร – วันศุกร์ เวลา 13.45 น. วันเสาร์ - วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00 น. และเวลา 13.45 น.

 ------------------------------------------------------------------------------------------

 
 

วัดผาตากเสื้อ

วัด

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

 รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

 
 

วัดผาตากเสื้อ เป็นวัดที่มีทิวทัศน์สวยงามมาก มองจากบนผาลงมามองเห็นความเป็นอยู่ของชาวไทยลาว ภายในวัดมีธรรมชาติที่สมบูรณ์ สามารถเดินเลาะ ตามหน้าผาเพื่อชม ธรรมชาติและ ทิวทัศน์ที่สวยงามได้

ในอำเภอสังคมนั้นมีแหล่งท่องเที่ยวมากกว่าที่อื่นๆในจังหวัดหนองคาย  และที่วัดแห่งหนึ่งมีชื่อว่า  “วัดผาตากเสื้อ” เป็นวัดแห่งหนึ่งที่นอกจากจะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแล้วยังเป็นที่จุดชมวิวที่สวยงามอีกด้วย  เนื่องจากเป็นตั้งอยู่ที่สูงบนยอดเขา  หากขึ้นไปบนผาจะเห็นว่ามีวิวที่สวยงามสามารถที่จะมองเห็นด้านล่างทั้งฝั่งไทย  ซึ่งเป็นอำเภอสังคมและทางฝั่งลาวที่มีแม่น้ำโขงกั้นอยู่  หากไปช่วงหน้าหนาวที่ผาแห่งนี้เป็นอีกจุดหนึ่งมีทะเลหมอกด้วย  วิวจะพบกับเขาต่างๆที่เกิดขึ้นสลับซับซ้อนและมีแม่น้ำโขง  ข้างบนจะเป็นวัดเหมาะสำหรับปฏิบัติธรรมด้วย  เพราะว่าเป็นวันที่ร่มรื่นและมีความเงียบสงบ

สำหรับประวัติความเป็นมานั้น  เนื่องจากมีพระรูปหนึ่งท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่เหรียญซึ่งท่านได้ห้ามไว้ชื่อ “พระอาจารย์  สมเดช”  แต่ด้วยความตั้งใจท่านได้ขึ้นไปบำเพ็ญเพียรที่นั้นจนได้  ท่าใช้บริเวณบนยอดภูเป็นหลักในการเข้าสู่ถาวะสงบทางใจ  เวลาท่านขึ้นไปยอดภูจึงต้องได้ปีนจากด้านล่างทั้งหินและใช้เถาวัลย์ในการช่วย  หลายครั้งตอนเช้าทางบิณฑบาตแล้วตกลงมาทำให้ข้าวในบาตรนั้นออกไป  บางครั้งมีอาการปวดบ่อยครั้ง  แต่ท่านไม่เคยให้โยมช่วยทุกครั้งท่านจะขึ้นไปเอง  พอระยะเวลานานเข้าได้มีโยมพยายามอาสาช่วยให้สร้างทางขึ้นแต่กระนั้นทางขึ้นจากหมู่บ้านเป็นผาสูง  เลยต้องสร้างจากด้านอื่นแทน  และได้ก่อสร้างมาเป็นวัด  โดยท่านผู้ว่าจังหวัดในสมัยนั้นให้มีโครงการสร้างทางขึ้นด้วยรถตัดดินและได้มีการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว  สองข้างทางขึ้นจะเป็นโครงการปลุกป่าเฉลิมพระเกียรติด้วย  ได้มีการเทลาดยางบางจุดรวมระยะทางจากถนนใหญ่เกือบ 8 กิโลเมตร ข้างในวัดนอกจากจะมีผาที่สูงเพื่อยังมีสิ่งปลูกสร้างของทางวัดที่ร่มรื่นมาก  อย่างเช่นศาลาเมื่อก่อนไม่มีไฟฟ้าใช้เครื่องปั่นไฟและใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นหลัก  นอกจากนั้นยังมีอุโบสถที่สวยงามและทางบันไดที่สวย  ด้านบนสามารถรับชมวิวได้ด้วยนอกจากนั้นได้ข่าวว่ามีการสร้างเจดีย์เพื่อบรรจุอัฐิธาตุของอริยสงฆ์  เช่นหลวงปู่มั่นไว้ด้วย

 -------------------------------------------------------------------------------------------------

 
 

วัดสว่างอารมณ์

วัด

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

วัดถ้ำศรีธน หรือ วัดสว่างอารมณ์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งของอำเภอปากคาด โดยวัดตั้งอยู่บริเวณลานหินเนินเขา ร่มรื่นด้วยต้นไม้และลำธารเล็กๆไหลผ่าน บริเวณใต้โขดหินใหญ่ประดิษฐานพระนอนให้ผู้คนสักการะบูชา บนโขดหินมีอุโบสถ ทรงระฆังคว่ำ หากขึ้นไปถึงด้านบนสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้ไกลจนถึงฝั่งลาว

     ตามข้อสันนิฐานเล่าสืบกันต่อมาว่า ท้าวศรีธน เป็นโอรสของพระเจ้าอาทิตยวงศ์แห่งเมือง ปัญจานคร ต่อมาเรียกว่าเมืองเปงจานนคร (ปัจจุบันบ้านเปงจาน อยู่ห่างจากถ้ำศรีธนประมาณ 10 กิโลเมตร)

 ท้าวศรีธนได้ติดตามหานางมโนราห์ซึ่งเป็นมเหสีผ่านมาถึงถ้ำฤาษีกัสสปะ พระองค์รำพึงว่า “เรามีความชำนาญ แต่ด้านยิงธนูควรที่จะเรียนวิชาอาคมอื่นเพิ่มเติมเผื่อได้ใช้ในคราวจำเป็น” ท้าวศรีธนจึงได้หยุดเรียน ณ สถานที่ แห่งนี้กับพระฤาษีกัสสปะ

     หลังจากเรียนอาคมจบ พระองค์ก็อยากทดลองอาคมดู จึงเดินล้อมไปหลังถ้ำ เลือกก้อนหินก้อนหนึ่งเป็นเครื่องมือทดลอง จากนั้นพระองค์ ได้ใช้มนต์อาคมที่เรียนมาเสกเป่าใส่ดาบ เมื่อท่องมนต์จบก็เงื้อดาบฟันลงบนก้อนหินถึงสามครั้ง ทำให้เกิดเสียงดังสะนั่นหวั่นไหวไปทั่วอาณาบริเวณ ถึงสามครั้ง ผลปรากฏว่า หินก้อนนั้นขาดออกเป็นสามท่อนเป็นน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

   จากนั้นพระองค์ก็ลาพระฤาษี กัสสปะ ตามหานางมโนราห์มเหสีผู้มีค่าเท่าชีวิต ไปจนพบที่เมืองภูเงินแห่งเขาไกรราช แล้วต่อมาพระองค์ กับมเหสีมโนราห์ก็กลับมาปกครองเมืองเปงจานต่อจากพระราชบิดา ด้วยความผาสุข จนสิ้นสมัยของพระองค์

     โดยนิทานพื้นเรื่องนี้สถานที่เกิดคือตำบลปากคาด อำเภอปากคาด และตำบลโพนแพง กิ่งอำเภอรัตนวาปี จังหวัด หนองคาย เป็นเรื่องที่อ่านแล้วสนุกสนานมาก เบ่งบอกถึงพลังแห่งความรัก ถึงแม้นจะมีอุปสรรคมาขวางกั้น สักเท่าใดก็ตาม ก็ไม่สามารถมากั้นรักอันทรงมีพลังเหนือชีวิตไปได้สมกับคำนิยามของเรื่องนี้ที่ว่า “รักที่เพียรพยายาม”

     ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านจึงเรียกบริเวณถ้ำดังกล่าวว่า “ถ้ำศรีธน” เพราะมีร่องรอย ต่างๆ ตามตำนานท้าวศรีธนปรากฏอยู่เช่น ตัวของถ้ำ สถานที่ศรีธนลองดาบ และยังอยู่ใกล้บ้านเปงจาน หรือเมืองเปงจานนครราชในอดีต ซึ่งมีหลักเสมาเก่าแก่สูงประมาณ 1.90 เมตร มีตัวอักษร เป็นสิ่งเบ่งบอกว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของเมืองโบราณมาก่อน

 --------------------------------------------------------------------------------------------------------

 
 

วัดหินหมากเป้ง

วัด

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

 ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วัดหินหมากเป้ง

 
 

นับเป็นอีกหนึ่งศาสนสถานที่อยู่คู่กับชาวเมืองหนองคาย วัดหินหมากเป้งตั้งอยู่ที่บ้านไทยเจริญ ตำบลพระพุทธบาท บริเวณวัดมีพื้นที่กว้างขวาง ร่มรื่นด้วยพรรณไม้ สะอาด เรียบร้อยและเงียบสงเหมาะแก่การมาพักผ่อนทั้งทางกายและใจ ด้วยบรรยากาศที่สงบนั้นอีจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะอย่างยิ่งโดยเฉพาะแก่ผู้ที่ต้องการจะมาบำเพ็ญเพียรฝึกจิตนั่งวิปัสสนา ทำสมาธิ หรือเดินจงกรมอีกด้วย พื้นที่ด้านหนึ่งติดกับลำน้ำโขงซึ่งมองเห็นทัศนียภาพสวยงาม  แต่เดิมเคยเป็นที่ปฏิบัติธรรมของหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคอีสาน ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของภิกษุสงฆ์ แม่ชี และผู้แสวงบุญทั้งหลาย หลังจากท่านมรณภาพ มีการก่อสร้างเจดีย์ เพื่อบรรจุอัฐิของท่าน  ภายในมีรูปปั้นของหลวงปู่เทสก์ พร้อมจัดแสดงเครื่องอัฐบริขารและชีวประวัติของท่านอีกด้วย โดยวัดหินหมากเป้งแห่งนี้นั้นได้รับการจัดตั้งให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างเมื่อปี พ.ศ. 2523  หลายๆคนอาจสงสัยว่า คำว่า “หินหมากเป้ง” นั้นคืออะไร มีความหมายอย่างไร หินหมากเป้งนั้นเป็นชื่อหินสามก้อนซึ่งตั้งเรียงรายกันอยู่ริมฝั่งโขงที่หน้าวัดนี้เอง อันมีรูปลักษณะคล้ายลูกตุ้มเครื่องชั่งทองคำสมัยเก่า คนพื้นนี้เขาเรียกว่า เต็งหรือเป้งยอย คำว่าหมากเป้งเป็นภาษาภาคนี้ ผลไม้หรืออะไรก็ตาม ถ้าเป็นลูกแล้วเขาเรียกหมากขึ้นหน้า เช่น หมากม่วง หมากพร้าว เป็นต้น

สำหรับผู้ที่สนใจต้องการเข้าเยียมชมวัดหินหมากเป้งแห่งนี้นั้นสามารถทำการติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ วัดหินหมากเป้ง

บ้านไทยเจริญ หมู่ ๔ ตำบลพระพุทธบาท อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย โดยทางวัดจะเปิดให้เข้าเยี่ยมในทุกวันตั้งแต่เวลา 8.30-16.30 น.

 -----------------------------------------------------------------------------------------------

 
 

วัดอรัญบรรพต พระสุธรรมเจดีย์

วัด

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

 รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

 
 

นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดหนองคายที่เป็นทั้งศาสนสถานและเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ซึ่งได้รวบรวมสิ่งล้ำค่าไว้ให้แก่คนรุ่นหลังได้สัมผัสถึงวัฒนธรรมแต่ครั้งในสมัยอดีตได้รับชม เมื่อได้เกริ่นมาถึงขนาดนี้ก็ขอนำทุกท่านไปสู่สถานที่อันล้ำค่าแห่งนี้ซึ่งก็คือวัดอรัญบรรพต พระสุธรรมเจดีย์ โดยวัดอรัญบรรพต พระสุธรรมเจดีย์ตั้งอยู่ริมถนนสายศรีเชียงใหม่-สังคม ตำบลบ้านหม้อ  เป็นทั้งพิพิธภัณฑ์และเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ก่อสร้างโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเพื่อถวายหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ เกจิอาจารย์ที่มีศิษยานุศิษย์มากมายซึ่งปัจจุบันท่านได้มรณภาพแล้วเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2548 โดยทางวัดจะมีการจัดงานบุญใหญ่ในเดือนมกราคมของทุกปี ภายในบริเวณวัดแห่งนี้นั้นมีบรรยากาศอันร่มรื่นและรายล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมที่รวบรวมไว้ซึ่งความงดงามของศิลปะและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ อันได้แก่ มณฑปหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ซึ่งเป็นมณฑปทรงจตุรมุขทางขึ้นลงในทั้งสี่ทิศโดยทั้งหมดนี้สร้างด้วยกระจกใสโดยหากยืนอยู่ภายนอกก็สามารถที่จะมองเห็นภายในมณฑปได้อย่างชัดเจนซึ่งจะสามารถเห็นรูปเสมือนของหลวงปู่เหรียญในอิริยาบถท่ายืนอยู่ภายในได้ ซึ่งผู้เข้าชมนั้นสามารถเข้าไปสักการะหลวงปู่เหรียญภายในมณฑปได้ เมื่อได้สักการะหลวงปู่เหรียญแล้วนั้นก็สามารถเดินไปยังวิหารวรลาโภซึ่งภายในก็มีรูปเสมือนจำลองหลวงปู่เหรียญในอิริยาบถนั่งอยู่ และเมื่อเดินต่อมาจากวิหารวรลาโภก็จะพบพระสุธรรมเจดีย์วัดอรัญญบรรพตซึ่งเป็นเจดีย์องค์ใหญ่ตั้งตระหง่านโดยมีลานประทักษินหลายชั้นโดยแต่ละชั้นนั้นมีลักษณะที่ไม่สูงมากนักโดยสามารถเดินเข้าไปในพระเจดีย์แห่งนี้เพื่อสักการะหลวงปู่เหรียญได้โดยภายในนั้นตกแต่งด้วยกระจกล้อมรอบ เพดานพระสุธรรมเจดีย์ ภายนอกที่ดูเป็นสีขาวประดับด้วยสีทอง เมื่อเข้ามาภายในจะตกแต่งด้วยสีแดง ชมพู เหนือเพดานมีภาพจิตรกรรมลวดลายอ่อนช้อยสวยงามมาก และสิ่งที่น่าสนใจที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คงเป็นพระอรหันตธาตุ พระธาตุชนิดต่างๆ แสดงอยู่ในตู้กระจกจำนวนมากใกล้ๆ องค์พระพุทธรูปในพระสุธรรมเจดีย์ และที่สำคัญคือเกษาของพระเกจิอาจารย์หลายท่านเก็บไว้ที่นี่ด้วยเช่นกันอีกทั้งยังได้ตั้งแสดงเครื่องอัฐบริขาร หนังสือธรรมะ และคำเทศนาของหลวงปู่เหรียญอีกด้วย นอกจากนี้ผู้เข้าชมยังสามารถเก็บภาพบรรยากาศความประทับใจของความงามที่รายล้อมไปด้วยสระบัวที่สวยงามกลับไปเป็นที่ระลึกอีกด้วย

          ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 
 

วัดโพธิ์ชัย

วัด

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

 รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

 
 

นับเป็นอีกหนึ่งศาสนสถานที่ยังคงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์และความงดงามของศิลปวัฒนธรรมที่สืบทอดเรื่องราวอันช้านานมาแต่ประวัติศาสตร์ครั้งก่อน สำหรับวัดโพธิ์ชัยนั้นเป็นพระอารามหลวง ตั้งอยู่ที่ถนนโพธิ์ชัย ในเขตเทศบาลเมืองห่างจากตัวเมืองหนองคายไปประมาณ 2 กิโลเมตร ตามทาง หลวงหมายเลข 212 ทางไป อ.โพนพิสัย วัดจะอยู่ทางซ้ายมือ เป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุก หน้าตักกว้าง 2 คืบ 8 นิ้ว ส่วนสูงจากพระชงฆ์เบื้อล่างถึงยอดพระเกศ 4 คืบ 1 นิ้วของช่างไม้ เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระใส ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่ชาวเมืองหนองคายนับถือกันมาก หลวงพ่อพระใสเป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุก มีลักษณะงดงาม ตำนานเล่าว่า พระธิดา 3 องค์ของกษัตริย์ล้านช้างได้หล่อพระพุทธรูปขึ้น 3 องค์และขนานนามพระพุทธรูปตามพระนามของตนเอง คือ พระเสริมประจำพี่ใหญ่ พระสุกประจำคนกลาง และพระใสประจำน้องสุดท้อง เดิมประดิษฐานที่กรุงเวียงจันทน์

 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 
 

#ขอบคุณข้อมูลและภาพทั้งหมดจาก เว็ปไซด์ ททท.

#เที่ยวกับAKสนุก,ประหยัด,คุ้มค่า,สะดวก,จริงใจ

#ทำเรื่องเที่ยวให้เป็นเรื่องง่าย ใครก็เที่ยวได้เที่ยวกับเราสิคะAK

#AK  

 
       
 

 

โครงการพิเศษสำหรับสมาชิก

eae 04

     
 akm    AK HOTELS card RED OK
 A K Hotels Exclusive Club     AK Hotels Privilege Club

 eae 04

     
  logo akmtravel  
       
เชียงใหม่

    ทริปนี้ ที่เชียงใหม่....ดินแดนแห่งขุนเขาและสายหมอก พื้นที่อุดมสมบูรณ์ ธรรมชาติที่สวยงาม "เชียงใหม่ ไนท์...

หัวหิน

  เลียบทะเลบ้านกรูด...ชมน้ำใสสะอาด...ท้องฟ้าสีคราม         หาดบ้านกรูด อยู่ในเขตบ้านกรูด ตำบลธงชัย...

แม่ฮ่องสอน

            ปาย....เป็นเมืองเล็กๆ ทางตอนเหนือของจังหวัดแม่ฮ่องสอน...

กระบี่

  กระบี่.......           นอกจากกระบี่จะเป็นเมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก (มาก) แล้ว...

กระบี่

                                เที่ยวกระบี่...

       

travel

logo A K Reward Point

สะสมคะแนน

A K Reward Point

ยิ่งใช้ ยิ่งได้ ยิ่งคุ้ม ครบทุกไลฟ์สไตล์

ของการพักผ่อน รับคะแนนสะสม

เมื่อใช้จ่ายผ่าน เอ เค

......................................

Travel
รายการของรางวัลแลก
คะแนนสะสมในหมวด ท่องเที่ยว

......................................

Voucher
รายการของรางวัลแลก
คะแนนสะสมในหมวด บัตรกำนัล

003
แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว กรุงเทพมหานครฯ
แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว เชียงราย
แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว เชียงใหม่
ส่วนลด สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศ
ส่วนลด บริการรถเช่า
ส่วนลด ล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระเจ้า
ส่วนลด สนามกอล์ฟ
ส่วนลด สปา
ส่วนลด บริการสำรองตั๋วเครืองบิน

เลขที่ใบอนุญาต

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า Trustmarkthai
ttt 2

Special

A K Hotels Exclusive Club
A K Hotels Privilege Club
AK Reward Point
Review Up Point

จำนวนผู้เข้าชม

25024341
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
4233
28548
70142
24913592
65471
476400
25024341

Your IP: 3.224.220.101
thAsia/BangkokFri, 05 Jul 2024 02:28:50 +0700vAsia/BangkokFri, 05 Jul 2024 02:28:50 +0700 ICT2807Asia/Bangkok: %2024-%07-%05 %02:%Jul:%th

++ Hot !! Promotion ++

Duo Special

logologo akmtravel

HpvHex