รีวิวจากลูกค้า ( Review ) แบ่งปันภาพสวย ๆ ในช่วงเวลาแห่งความสุข #โดนใจ

ส่วนลด สถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำ เมืองพัทยา
ส่วนลด สถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำ เมืองพัทยา
ส่วนลด สถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำ เมืองเชียงใหม่
ส่วนลด ล่องเรือเจ้าพระยา พร้อมดินเนอร์แบบบุฟเฟต์
ส่วนลด โรงแรม & รีสอร์ท ทั่วประเทศไทย
Hot Promotions of the monthly
 

Red Lotus Sea

ทะเลบัวแดง หนองหานกุมภวาปี เขื่อน พื้นที่อนุรักษ์ ทะเลสาบ ทุ่งดอกไม้

 
 

อุดรธานี

น้ำตกจากสันภูพาน...........อุทยานแห่งธรรมะ

อารยธรรมห้าพันปี...........ธานีผ้าหมี่ขิด

แดนเนรมิตหนองประจักษ์............เลิศลักษณ์กล้วยไม้หอมอุดรชันไฌน์

 
       
 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ แผนที่อุดร

ข้อมูลทั่วไป

 
 

         จังหวัดอุดรธานีเป็นจังหวัดใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมและการท่องเที่ยวของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยในปัจจุบัน มีความสำคัญอย่างยิ่งในทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของแหล่งอารยธรรมบ้านเชียง ซึ่งเป็นร่องรอยของอารยธรรมมนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

         นอกจากนี้ อุดรธานียังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายแห่ง มีการทำหัตถกรรมที่น่าสนใจต่างๆ เช่น ผ้าขิด ชุมชนพื้นบ้านมีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายมีเสน่ห์ตามแบบฉบับชุมชนไทยอีสาน ในเมืองและตามสถานที่ต่างๆ มีโรงแรมที่พักมากมาย และการคมนาคมสะดวกสบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีสนามบิน อุดรธานีจึงเป็นอีกเมืองหนึ่งที่นักเดินทางไม่ควรพลาดมาเยี่ยมเยือน

         จังหวัดอุดรธานีมีเนื้อที่ประมาณ 11,730 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 7.33 ล้านไร่ เป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 11 ของประเทศ ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบสูง ประกอบด้วยทุ่งนา ป่าไม้ และภูเขา พื้นที่เอียงลาดลงสู่แม่น้ำโขงทางจังหวัดหนองคาย ทางทิศตะวันตกมีภูเขาและป่าติดต่อกันเป็นแนวยาว มีทิวเขาสำคัญคือทิวเขาภูพาน ทอดเป็นแนวยาวตั้งแต่ตอนเหนือสุดจนถึงทางใต้สุด

         จังหวัดอุดรธานีมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน จากหลักฐานทางโบราณคดีที่ค้นพบแสดงให้เห็นว่าบริเวณที่เป็นจังหวัดอุดรธานีในปัจจุบันนี้ เคยมีชุมชนมนุษย์อยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ หรือราว 5,000-7,000 ปีมาแล้ว เป็นชุมชนโบราณที่มีอารยธรรมความเจริญในระดับสูง สันนิษฐานว่าเครื่องปั้นดินเผาสีลายเส้นที่พบที่บ้านเชียงนั้น อาจเป็นเครื่องปั้นดินเผาสีลายเส้นที่เก่าแก่ที่สุดของโลก

        บริเวณนี้มีชุมชนอาศัยอยู่ต่อมา แต่เป็นเพียงชุมชนเล็กๆ ที่ไม่มีบทบาทในทางประวัติศาสตร์แต่อย่างใด จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2428 สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคมและเจ้าหมื่นไวยวรนาถ ยกทัพไปปราบปรามพวกฮ่อในมณฑลลาวพวนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ที่รวมตัวกันก่อการร้าย กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม แม่ทัพใหญ่ฝ่ายใต้ ได้นำทัพผ่านมายังบริเวณซึ่งเป็นที่ตั้งของจังหวัดอุดรธานีปัจจุบันนี้ และไปทำการปราบปรามพวกฮ่อจนสงบ ซึ่งในขณะนั้นชุมชนเดิมของอุดรธานียังเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อ “บ้านหมากแข้ง” หรือ “บ้านเดื่อหมากแข้ง” อยู่ภายใต้การปกครองของเมืองหนองคายซึ่งขึ้นอยู่กับมณฑลลาวพวน

         ต่อมาเกิดกรณีพิพาท ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436) ระหว่างไทยกับฝรั่งเศส และไทยเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้แก่ฝรั่งเศส ตามสนธิสัญญามีเงื่อนไขห้ามประเทศสยามตั้งกองทหารและป้อมปราการในรัศมี 25 กิโลเมตรจากฝั่งแม่น้ำโขง กองกำลังทหารไทยที่ตั้งประจำอยู่ที่เมืองหนองคาย ซึ่งมีกรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคมเป็นข้าหลวงใหญ่สำเร็จราชการ จึงต้องเคลื่อนย้ายถอยร่นมาจนถึงบ้านเดื่อหมากแข้ง แล้วกรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคมก็ตั้งศูนย์มณฑลลาวพวนและกองทหารขึ้นใหม่ ณ หมู่บ้านแห่งนี้

         ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง “มณฑลอุดร” ขึ้นที่บ้านหมากแข้ง จนกระทั่งได้มีการปรับปรุงระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน ยกเลิกการปกครองในระบบมณฑลเทศาภิบาล มณฑลอุดรจึงถูกยุบเลิกไป และเปลี่ยนเป็น “จังหวัดอุดรธานี" นับแต่นั้นมา

         ปัจจุบันจังหวัดอุดรธานีแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 18 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอหนองวัวซอ อำเภอหนองหาน อำเภอบ้านผือ อำเภอบ้านดุง อำเภอกุมภวาปี อำเภอโนนสะอาด อำเภอเพ็ญ อำเภอน้ำโสม อำเภอกุดจับ อำเภอศรีธาตุ อำเภอวังสามหมอ อำเภอทุ่งฝน อำเภอสร้างคอม อำเภอไชยวาน อำเภอหนองแสง อำเภอนายูง อำเภอพิบูลย์รักษ์ กิ่งอำเภอกู่แก้ว และกิ่งอำเภอประจักษ์ศิลปาคม

 
   สถานที่ท่องเที่ยว   
  จังหวัดอุดรธานีมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่มีชื่อเสียงมากมายและหลากหลายรูปแบบ เช่น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระ พระพุทธบาทบัวบาน สวนกล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์ ฯลฯ  
   ที่เที่ยว สุดสโลว์ไลฟ์ สไตล์ อุดรธานี ...   
    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ทะเลบัวแดง  
 

 ทะเลบัวแดง หนองหานกุมภวาปี เขื่อน พื้นที่อนุรักษ์ ทะเลสาบ ทุ่งดอกไม้

 รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

 อยู่ใกล้วัดบ้านเดียม หมู่ที่ 5 ตำบลเชียงแหว เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีพื้นที่กว่า 32 ตารางกิโลเมตรประกอบไปด้วยพันธุ์ปลา นก และพืชน้ำจำนวนมาก มีระบบนิเวศน์ ที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งเป็นที่สนใจของนักวิชาการทั้งในประเทศและต่างประเทศได้มาศึกษาค้นคว้าอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ดอกบัวแดงในหนองหานจะงอกจากน้ำ แตกใบ และเริ่มออกดอกตูมและบาน โดยในเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ เป็นช่วงที่สวยงามที่สุด นักท่องเที่ยวสามารถชมความงามของดอกบัวแดงได้ตั้งแต่เวลา 06.00-10.00 น. มีเรือรับจ้างบริการพาชม ค่าเช่าเรือ 300-500 บาท สามารถนั่งได้ 5-10 คน สอบถามข้อมูลได้ที่กลุ่มเรือบริการท่องเที่ยว โทร. 08 9395 0871

 
 

20180330d41d8cd98f00b204e9800998ecf8427e140558

 ขอบคุณภาพจาก : https://thailandtourismdirectory.go.th

 

พระธาตุดอนแก้ว

สถานที่เกี่ยวกับศาสนา-ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

 
 

ประวัติความเป็นมา ดอนแก้ว เป็นเกาะเล็กๆ กลางหนองหานน้อยกุมภวาปี ซึ่งเป็นต้นกำเนิดแม่น้ำลำปาว ตำนานเล่าว่า พระอรหันต์กลุ่มหนึ่งจะไปนมัสการพระธาตุพรม ได้มาพักแรมที่ดอนแก้ว พระอรหันต์องค์หนึ่งอาพาธหนักถึงนิพพาน พระอรหันต์ทั้งหลายที่เหลืออยู่จึงถวายเพลิงท่าน และก่อเจดีย์บรรจุพระธาตุไว้

ต่อมาประมาณ พ.ศ. 11 มีกลุ่มคนเข้ามาในดอนแก้วแล้วสร้างใบเสมาหินทรายล้อมรอบพระธาตุไว้ และปักรายรอบบริเวณดอนแก้ว จากการศึกษาพบว่าเป็นเสมาสมัยทวารวดี

ต่อมาชุมชนลาวได้อพยพจากเมืองร้อยเอ็ด เมืองชัยภูมิ เข้ามาตั้งถิ่นฐานที่ดอนแก้ว มีท้าวชินเป็นหัวหน้าชุมชน ได้ปฏิสังขรณ์พระธาตุเจดีย์ขึ้น (จากจารึกที่ฐานพระธาตุเป็นตัวลาวโบราณ) บอกว่าบูรณะเสร็จสิ้นปี พ.ศ.2441

ประมาณ ปี พ.ศ.2471 มีชุมชนหลายกลุ่มเข้ามาอยู่ในดอนแก้ว ส่วนใหญ่เป็นลางเวียง จึงได้สร้างวัดเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาขึ้นที่ดอนแก้วให้ชื่อว่า"วัดมหาธาตุเจดีย์

พ.ศ. 2513 พระครูสังฆรักษ์ (ชน) เจ้าอาวาส ร่วมมือกับชาวบ้านดอนแก้วปฏิสังขรณ์พระธาตุให้แข็งแรงกว่าเดิม จากการศึกษาของนักโบราณคดีมหาวิทยาลัยศิลปากรพบว่า อายุของพระธาตุเจดีย์มีอายุไม่ต่ำกว่า 1,500ปี และเสมาที่ปักรายรอบมีอายุประมาณ พ.ศ.11

ลักษณะทั่วไป ดอนแก้วมีพื้นที่ลักษณะกลม มีคูน้ำล้อมรอบ ภายในเกาะเป็นที่ดอนสูงๆต่ำๆ ใช้ทำการเกษตรไม่ได้ ชาวบ้านมาอยู่อาศัยบริเวณชายน้ำริมเกาะ

 
 

หลักฐานที่พบ

พบเสมาหินทรายสมัยทวารวดี บางทีมีภาพจำหลักมีจารึกที่ลบเลือนอ่านไม่ออก เสมาหินทรายปักรอบพระมหาธาตุเจดีย์ และอีกส่วนปักห่างจากพระมหาธาตุเจดีย์ไปประมาณ 500 เมตร พบพระพุทธรูปหินทรายแดง และพระพุทธรูปสำริด ฝีมือช่างพื้นบ้านพระธาตุเจดีย์ เป็นเจดีย์ทรงเหลี่ยม ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลง 2ชิ้น ชั้นแรกกว้างด้านละ 14 ม. สูง 1.25 ม. มีทางขึ้นลงด้านทิศตะวันออก และทิศตะวันตะวันตก ชั้นที่ 2 กว้างยาวด้านละ 10 ม. สูง1.50 ม. มีทางขึ้นลง 4 ด้าน และฐานขั้นนี้เป็นลานประทักษิณเจดีย์องค์พระธาตุก่อด้วยอิฐถือปูน ก่อจากฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีประติมากรรมปูนปั้นรูปกลีบบัวหงายประดับที่มุมทั้ง 4 และ มีประติมากรรมนูนต่ำ ภาพพระพุทธเจ้าพระสาวก เทวดา และบุคคล ประดับโดยรอบเรือนธาตุเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสซ้อนกัน 3ชั้น สูงขึ้นไปตามลำดับ โดยมีบัวคว่ำ บัวหงาย และบัวลูกแก้วคั่น เป็นลักษณะสถาปัตยกรรมล้านช้าง คล้ายธาตุไม้ของอิสาน เป็นการรับอิทธิพลพระธาตุหลวงเวียงจันทน์ ยอดธาตุเป็นปลีเล็กเรียวแหลมขึ้นไป พบใบเสมาหินทราย บางหลักเป็นรูปสี่เหลี่ยมแบน บางหลักกลมใหญ่ บางหลักกลมเฉพาะตอนต่ำจากฐาน ตอนเหนือฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมหนา ยาวขึ้นไปกว่า 3 เมตร หลักหนึ่งมีภาพจำหลักเป็นฐานกลีบบัว เหนือกลีบบัวเป็นรูปคล้ายช้างคู่คู่หนึ่ง ถวายความเคารพเทวรูปสตรีที่ประทับกึ่งกลาง แสดงปางพระพุทธเจ้าประสูติหลักหนึ่งมีจารึกที่ลบเลือนอ่านไม่ออก เสมาหลายหลักปรักหักพัง

 
  พระพุทธบาทบัวบาน
สถานที่เกี่ยวกับศาสนา / รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว
 
 

ประวัติความเป็นมา >> จากการศึกษากลุ่มเสมา และการจำหลักภาพขนาดของเสมา จำนวนเสมา น่าจะเป็นชุมชนขนาดใหญ่ มีความอุดมสมบูรณ์จึงสามารถสร้างศิลปกรรม ประติมากรรมหินทรายขนาดใหญ่และงดงามได้ สภาพของชุมชนคงจะได้ร้างไป ต่อมาชุมชนลาวล้านช้างในสมัยที่สมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชหนีศึกพม่า พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง ได้เข้ามาตั้งชุมชนที่นี่ จึงมีศิลปกรรม สถาปัตยกรรมล้านช้างมากมาย เช่น มณฑปครอบรอยพระพุทธบาท พระพุทธรูปไม้ ฯลฯ และคงจะสร้างไป จนเมื่อเกิดศึกฮ่อ พวกลาวพวนจึงได้อพยพหนีศึกฮ่อมาตั้งชุมชนใหม่ สภาพชุมชนสมัยนั้นเป็นป่าดงดิบแล้ง มีไม้ที่มีค่าหนาแน่น เช่น ไม้มะค่า ไม้ตะเคียน ตะเคียนทอง ประดู่ ฯลฯ

ลักษณะทั่วไป >> เป็นป่า มีเส้นทางทำการเกษตรของชาวบ้าน และขนพืชไร่ ผ่านใกล้กลุ่มเสมามาก

หลักฐานที่พบ >> พบกลุ่มเสมาหินทราย จำหลักภาพบุคคลในลักษณะต่าง ๆ ปักเป็น 8 ทิศ ปักซ้อนกัน 2 หลัก บางหลักถูกทำให้ล้ม หลายหลักถูกดินทับถม มีจำนวนทั้งหมด 31 หลัก เป็นศิลปกรรมสมัยทวาราวดีตอนปลาย-ลพบุรีตอนต้น สมัยประวัติศาสตร์เส้นทางเข้าสู่แหล่งวัดพระพุทธบาทบัวบานจากจังหวัดอุดรธานีไปตามเส้นทางสาย อุดรธานี-บ้านติ้ว ระยะทาง 64 กิโลเมตร และจากบ้านติ้วไปตามเส้นทางสาย บ้านติ้ว-บ้านไผ่ล้อม ระยะทาง 14 กิโลเมตร จากนั้นเดินทางด้วยเท้า ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร

 
 

....................

 
  พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ บ้านเชียง  
 

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง ตั้งอยู่ที่บ้านเชียง ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดร-ธานี อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 55 กิโลเมตร เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติประเภทแหล่งอนุสรณ์สถาน จัดตั้งขึ้นในแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง อันเป็นแหล่งประวัติศาสตร์สำคัญทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงหลักฐานที่ได้จากการสำรวจขุดค้นที่บ้านเชียง และแหล่งโบราณคดีใกล้เคียง ประกอบด้วยภาชนะดินเผา เครื่องมือ เครื่องใช้ และสิ่งอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งผู้เข้าชมจะได้รับรู้ถึงการดำรงชีวิตของมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปกว่า 5,000 ปี

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง ได้แบ่งพื้นที่การจัดแสดงออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 ตั้งอยู่ทางด้านขวาของทางเข้า ในเขตวัดโพธิ์ศรีใน เป็นพิพิธภัณฑ์เปิดที่เป็นแหล่งโบราณคดีแห่งแรกในประเทศไทย เป็นนิทรรศการถาวร ซึ่งแสดงขั้นตอนการขุดค้นทางโบราณคดีที่ยังคงลักษณะของศิลปวัตถุที่พบตามชั้นดิน เพื่อให้ผู้เข้าชมได้ศึกษาถึงการขุดค้นทางโบราณคดี และโบราณวัตถุ โดยส่วนใหญ่เป็นภาชนะดินเผาที่ฝังรวมกับศพที่กลายมาเป็นโครงกระดูกในปัจจุบัน

ส่วนที่ 2 ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของทางเข้า เป็นอาคารที่จัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องราวและวัฒนธรรมของบ้านเชียงในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ตลอดจนเครื่องมือ เครื่องใช้ ที่แสดงถึงเทคโนโลยีในยุคนั้น รวมถึงวัตถุโบราณ และนิทรรศการบ้านเชียงที่เคยจัดแสดง ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา และในส่วนนี้ยังมีห้องนิทรรศการ ห้องบรรยาย และการให้บริการด้านการศึกษาแก่ผู้ที่สนใจอีกด้วย

 
 

20180927b3ed73668102f776fb57834b3d843204094345

ขอบคุณภาพจาก : https://thailandtourismdirectory.go.th

 
 

พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

 
 

จัดตั้งขึ้นในอาคารราชินูทิศ ซึ่งเป็นอาคาร 2 ชั้น รูปทรงแบบตะวันตก สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เกิดขึ้นโดยการนำของ นายชัยพร รัตนนาคะ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ที่ได้รวมพลังประชาชนชาวจังหวัดอุดรธานีจัดตั้งพิพิธภัณฑ์เมืองขึ้น โดยใช้เวลาในการดำเนินการเพียง 111 วัน เปิดให้เข้าชมเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2547 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสถาปนาจังหวัดอุดรธานี ครบรอบ 111 ปี

พิพิธภัณฑ์เมืองแห่งนี้ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ที่ผู้มาเยือนจะได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับจังหวัดอุดรธานีในแง่มุมต่างๆ โดยภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ได้แบ่งพื้นที่จัดแสดงออกเป็น 2 ชั้นๆ ละ 6 ห้อง

ชั้นล่างประกอบด้วย
(1) ห้องประชาสัมพันธ์และบริการ เป็นห้องที่แนะนำให้รู้จักกับส่วนต่างๆ ของพิพิธภัณฑ์
(2) ห้องธรรมชาติวิทยาและธรณีวิทยา ให้ความรู้เกี่ยวกับสภาพดิน หิน น้ำ ป่าไม้ และทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ ของจังหวัดอุดรธานี
(3) ห้องประวัติศาสตร์และโบราณคดี แสดงให้เห็นความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ และแหล่งโบราณคดีของจังหวัดอุดรธานีทั้งในยุคก่อนประวัติศาสตร์และยุคประวัติศาสตร์
(4) ห้องมานุษยวิทยาและชาติพันธุ์ เป็นจุดเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอุดรตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
(5) ห้องประวัติศาสตร์และการพัฒนาเมืองของพลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม จัดแสดงภาพถ่ายโบราณ และภาพวาดของพระองค์ท่าน ที่ได้ทรงสร้างเมืองอุดรขึ้นที่บ้านเดื่อหมากแข้ง
(6) ห้องศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย แสดงให้เห็นถึงศิลปวัฒนธรรมต่างๆ ของชาวอุดร อาทิ ศิลปะการทอผ้า และศิลปะการแสดง

ส่วนชั้นบนประกอบด้วย
(1) ห้องพระประวัติพลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม จัดแสดงพระประวัติ พระกรณียกิจ รวมถึงของใช้ต่างๆ ของพระองค์ท่าน
(2) ห้องราชสกุลทองใหญ่ จัดแสดงภาพถ่ายของบุคคลสำคัญในตระกูล “ทองใหญ่” หลายๆ พระองค์
(3) ห้องภาพถ่ายโบราณของพระบาทสมเด็จพระเจ้า-อยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ รวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์ในการเสด็จฯ มาทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่จังหวัดอุดรธานี
(4),(5) ห้องพระอริยสงฆ์ เกจิอาจารย์ ของจังหวัดอุดรธานี ให้ข้อมูลเกี่ยวกับชีวประวัติของพระอริยสงฆ์ และเกจิอาจารย์ทุกท่าน
(6) ห้องอารยธรรมบ้านเชียงและอารยธรรมภูพระบาท จัดแสดงภาพเขียนสีน้ำมันตามสภาพวิถีชีวิตของมนุษย์โบราณยุคบ้านเชียง และยุคภูพระบาท

วันและเวลาทำการ: วันจันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30 น. / วันเสาร์ – อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.00 น. หยุดวันนักขัตฤกษ์

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 4224 5976

 
   

 

วัดป่าบ้านค้อ

รายละเอียด : วัดป่าบ้านค้อ ตั้งอยู่บ้านค้อ ตำบลเขือน้ำ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี

ได้ก่อตั้งขึ้นโดยการนำของ “พระอาจารย์ทูล ขิบปปญโญ” (ปัจจุบันมรณภาพแล้วเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2551 ) เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2528 มีเนื้อที่ 410 ไร่ ปัจจุบันมีเสนาสนะและสาธารณูปโภคเท่าที่จำเป็นต่อการอยู่อาศัยปฏิบัติธรรมสำหรับพระและฆราวาส มีเสนาสนะป่าเหมาะแก่การปลีกวิเวกของผู้ใคร่ปฏิบัติธรรม ในส่วนของการเผยแพร่พระพุทธศาสนาและการบริการชุมชน จังหวัดอุดรธานี กำหนดให้วัดป่าบ้านค้อเป็นศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติประจำจังหวัดอุดรธานี และได้เคยจัดให้มีการบรรพชาอุปสมบทอบรมกลุ่มปฏิบัติธรรมแก่ นักเรียนและประชาชนทั่วไป อีกทั้งยังมีฆราวาสทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เข้าพักรับอุบายธรรมภาคปฏิบัติอยู่อย่างสม่ำเสมอ

 
 

 

อนุสาวรีย์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ ศิลปาคม


รายละเอียด : แลนด์มาร์ก และ อนุสรณ์สถาน

ตั้งอยู่กลางเมืองอุดรธานี พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์ เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจ้าจอมมารดา สังวาลย์ ประสูติเมื่อปีพุทธศักราช 2399 ทรง ดำรงตำแหน่งข้าหลวงต่างพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สำเร็จราชการมณฑลฝ่ายเหนือ เรียกว่า มณฑลอุดรในสมัยต่อมา ระหว่าง ร.ศ . 112-118

ทรงเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งเมืองอุดรขึ้นเมื่อ ร.ศ 112 ทรงจัดวางระเบียบราชการ ปกครองบ้านเมืองและรับราชการ ในหน้าที่สำคัญต่าง ๆ ซึ่งอำนวย ประโยชน์สุขแก่ราษฎรนานับประการ อนุสาวรีย์พระองค์ท่าน จังนับ เป็นเกียรติ ประ วัติสูงสุดของชาวจังหวัดอุดรธานี ตราบเท่าทุกวันนี้

 
 

..........

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

สวนกล้วยไม้หอม

อุดรซันไฌน์

 
 

รายละเอียด : จากตัวเมืองไปราว 2 กม. ตามถนนเลี่ยงเมืองใกล้แยกไปจังหวัดหนองคาย เลี้ยวเข้าทางแยกไปหนองสำโรงใกล้กับสนามกอลฟ์มีป้ายบอกบริเวณสวนกล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์ ตั้งแต่เช้ามืดไปจนราวบ่ายโมงกลิ่นของกล้วยไม้จะหอมตลบอบอวล จนสามารถนำไปสกัดเป็นน้ำหอมได้ มีกล้วยไม้ และน้ำหอม จำหน่าย ที่สวนและตามร้านสินค้าพื้นเมืองอุดรธานีคุณประดิษฐ์ คำเพิ่มพูล เจ้าของ และผู้คิดค้น มีโครงการค้นคว้าทางด้าน ธรรมชาติ และการเกษตรที่น่าสนใจอีกหลายโครงการ

กล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ของจังหวัดอุดรธานี ที่อยู่ใกล้ตัวเมืองที่สุดจึงถือเป็นเสน่ห์ ในการดึงดูดนักท่อง เที่ยวชาวไทยและต่างประเทศให้เดินทางไปสัมผัสกับความแปลกและความสวยงามซึ่งมีอยู่เพียงแห่งเดียวในโลกนี้ก็ว่าได้ กล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์เป็นกล้วยไม้พันธุ์แวนด้าใบร่อง ลูกผสมระหว่างสามปอยดง และโจเซฟฟิน แวนเบอโร่ผสมได้ด้วยฝีมือของมนุษย์เมื่อปี 2520 โดยเกษตรกรสมัครเล่นชื่อนายประดิษฐ์ คำเพิ่มพูล อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127 ซอยกลมพัฒนา ต.บ้านเลื่อม อ.เมือง จ.อุดรธานี กล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์ เริ่มให้ดอกราวปี พ.ศ.2530 เมื่อดอกออก มาจะให้กลิ่นหอมรัญจวนแบบไทย ๆ นับว่าเป็นความแปลกใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อน ในโลกนี้ ดอกของกล้วยไม้ชนิดนี้จะให้กลิ่นหอมตั้งแต่เช้าตรู่ไปจนกระทั่งถึงบ่ายโมงต่อมากลิ่นจะเปิด-ปิดในช่วง เวลาดังกล่าวจนกว่าดอกจะเหี่ยวแห้งไป นอกจากดอกจะให้ความหอม เป็นกรณีพิเศษแล้วยังสามารถเปลี่ยนสีได้ถึง3 สีคือ เมื่ออากาศเย็นจัดระหว่าง 10-15 องศาเซลเซียส ดอกจะเป็นสีแดงสดใสเมื่ออุณหภูมิ 15 -20 องศาเซลเซียสดอกจะเป็นสีทองถ้าอุณหภูมิสูงขึ้นมาก กว่านี้ดอกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสดแต่กลิ่นยังคงที่เหมือนเดิมสำหรับดอกยังมีคุณลักษณะพิเศษอีก โดยจะมีความทนนานคาต้นโดย

ที่ไม่ ต้องตัดจะอยู่ได้ราว 60 วัน ถ้าตัดออกจากต้นจะอยู่ได้15 วัน แต่ถ้าอากาศเย็นจัดจะสามารถอยู่ได้ถึง 25วันส่วนกลิ่นถ้าตัดแล้วจะให้ความหอมประมาณ 10 วัน หลังจากนั้นกลิ่นจะค่อยจางหายไปเรื่อย ๆจนกว่าดอกจะแห้งในที่สุด
ปัจจุบันกล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์ได้จดทะเบียนลิขสิทธิ์แล้วที่สมาคมกล้วยไม้โลกประเทศอังกฤษ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 042 242475

 
   
   
 

อยู่ในเขตเทศบาลเมืองอุดรธานี หนองประจักษ์เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ มีมาตั้งแต่ก่อนตั้งเมืองอุดรธานี เดิมเรียกว่า"หนองนาเกลือ" ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของตัวเมือง ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น "หนองประจักษ์" เพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมผู้ทรงก่อตั้งเมืองอุดรธานี ต่อมาในปี พ.ศ. 2530 เทศบาลเมืองอุดรธานี ได้ทำการปรับปรุงหนองประจักษ์ขึ้นใหม่ เพื่อถวายเป็นราชสักการะแก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยบริเวณตัวเกาะกลางน้ำได้จัดทำสวนหย่อมปลูกไม้ดอกไม้ประดับหลายชนิด และทำสะพานเชื่อมระหว่างเกาะมีน้ำพุ หอนาฬิกา และสวนเด็กเล่น แต่ละวันจะมีประชาชนเข้าไปพักผ่อนและออกกำลังกายกันเป็นจำนวนมาก

 
       
 

 #ขอบคุณข้อมูลและภาพทั้งหมดจาก เว็ปไซด์ ททท.และ Mthai.com #

#ไปเที่ยวกันมั้ย-แนะนำสถานที่

 #อุดรธานี ข้อมูล&สถานที่ท่องเที่ยว

 
 

 

โครงการพิเศษสำหรับสมาชิก

eae 04

     
 akm    AK HOTELS card RED OK
 A K Hotels Exclusive Club     AK Hotels Privilege Club

 eae 04

     
  logo akmtravel  
       
ชะอำ

  หากวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ใครยังไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวไหน หรือ เบื่อทะเล เซ็งภูเขา อยากหาสถานที่ท่องเที่ยวชิลล์ ๆ ในบรรยากาศสบาย...

หัวหิน

  เลียบทะเลบ้านกรูด...ชมน้ำใสสะอาด...ท้องฟ้าสีคราม         หาดบ้านกรูด อยู่ในเขตบ้านกรูด ตำบลธงชัย...

กระบี่

      “ เกาะลันตา ”     เป็นชื่อเกาะขนาดใหญ่ มีรูปร่างเรียวยาว พื้นที่ 472 ตารางกิโลเมตร...

เชียงใหม่

    ทริปนี้ ที่เชียงใหม่....ดินแดนแห่งขุนเขาและสายหมอก พื้นที่อุดมสมบูรณ์ ธรรมชาติที่สวยงาม "เชียงใหม่ ไนท์...

กระบี่

                                เที่ยวกระบี่...

พัทยา / ชลบุรี

      พัทยา มีมากกว่าทะเล 4 บรรยากาศ หลากสไตล์...

       

travel

logo A K Reward Point

สะสมคะแนน

A K Reward Point

ยิ่งใช้ ยิ่งได้ ยิ่งคุ้ม ครบทุกไลฟ์สไตล์

ของการพักผ่อน รับคะแนนสะสม

เมื่อใช้จ่ายผ่าน เอ เค

......................................

Travel
รายการของรางวัลแลก
คะแนนสะสมในหมวด ท่องเที่ยว

......................................

Voucher
รายการของรางวัลแลก
คะแนนสะสมในหมวด บัตรกำนัล

003
แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว กรุงเทพมหานครฯ
แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว เชียงราย
แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว เชียงใหม่
ส่วนลด สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศ
ส่วนลด บริการรถเช่า
ส่วนลด ล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระเจ้า
ส่วนลด สนามกอล์ฟ
ส่วนลด สปา
ส่วนลด บริการสำรองตั๋วเครืองบิน

เลขที่ใบอนุญาต

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า Trustmarkthai
ttt 2

Special

A K Hotels Exclusive Club
A K Hotels Privilege Club
AK Reward Point
Review Up Point

จำนวนผู้เข้าชม

25023916
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
3808
28548
69717
24913592
65046
476400
25023916

Your IP: 23.22.35.162
thAsia/BangkokFri, 05 Jul 2024 02:13:45 +0700vAsia/BangkokFri, 05 Jul 2024 02:13:45 +0700 ICT1307Asia/Bangkok: %2024-%07-%05 %02:%Jul:%th

++ Hot !! Promotion ++

Duo Special

logologo akmtravel

HpvHex