รีวิวจากลูกค้า ( Review ) แบ่งปันภาพสวย ๆ ในช่วงเวลาแห่งความสุข #โดนใจ

ส่วนลด สถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำ เมืองพัทยา
ส่วนลด สถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำ เมืองพัทยา
ส่วนลด สถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำ เมืองเชียงใหม่
ส่วนลด ล่องเรือเจ้าพระยา พร้อมดินเนอร์แบบบุฟเฟต์
ส่วนลด โรงแรม & รีสอร์ท ทั่วประเทศไทย
Hot Promotions of the monthly
 

... สกลนคร ...

     พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน     พระตำหนักภูพานคู่เมือง

    งามลือเลื่องหนองหาร      แลตระการปราสาทผึ้ง  

     สวยสุดซึ้งสาวภูไท          ถิ่นมั่นในพุทธธรรม   

 
 

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

พระธาตุภูเพ็ก

 
 

พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาร แลตระการปราสาทผึ้ง สวยสุดซึ้งสาวภูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม

จังหวัดสกลนครเป็นจังหวัดที่ได้ชื่อว่าเป็น  “ เมืองพุทธศาสน์ พระธาตุห้าแห่ง แหล่งอารยธรรมสามพันปี ”

 
       
 

ข้อมูลทั่วไป

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ แผนที่ สกลนคร

 
 

 เนื่องจากมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีวัฒนธรรมและประเพณีดั้งเดิมที่ตกทอดกันรุ่นสู่รุ่นมาจากบรรพบุรุษตั้งแต่สมัยโบราณ ที่หล่อหลอมและผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมไทยถิ่นอีสานจนมีความเป็นเอกลักษณ์และโดดเด่น กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งศาสนาและอารยธรรมอันน่าสนใจ

สกลนครยังอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้ พืชพรรณ สัตว์ป่านานาชนิด และแหล่งน้ำขนาดใหญ่น้อยหลายแห่ง ที่ทำให้จังหวัดสกลนครเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวไม่แพ้จังหวัดอื่นๆ

จังหวัดสกลนครมีเนื้อที่ประมาณ 9,605 ตารางกิโลเมตร หรือ 6 ล้านไร่ เป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 19 ของประเทศ ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบสูงและที่ราบลุ่มสลับพื้นที่ลอนลาด มีเทือกเขาภูพานอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัด และมีหนองหารซึ่งเป็นหนองน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย เป็นแหล่งน้ำสำคัญของจังหวัด มีน้ำตลอดปี

เมืองสกลนคร เดิมมีชื่อว่า “เมืองหนองหานหลวง” ตามชื่อของบึงน้ำที่เมืองตั้งอยู่ มีขุนขอมราชบุตร เจ้าเมืองอินทปัฐนครเดิม เป็นผู้สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 16 อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรโคตบูร ต่อมาเมื่ออิทธิพลขอมเสื่อมลง เมืองหนองหานหลวงตกไปอยู่ใต้การปกครองของอาณาจักรล้านช้าง มีชื่อเมืองใหม่ว่า “เมืองเชียงใหม่หนองหาน”

ต่อมาในศตวรรษที่ 19 เมืองเชียงใหม่หนองหานได้ตกมาอยู่ในความปกครองของอาณาจักรสยาม และเปลี่ยนชื่อเป็น “เมืองสกลทวาปี” ใช้ระบอบการปกครองแบบหัวเมืองโบราณ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2435 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองเป็นระบบมณฑลเทศาภิบาล ทางส่วนกลางได้ส่งพระยาสุริยเดช (กาจ) มาเป็นข้าหลวงเมืองสกลนครคนแรก

ต่อมาในปี พ.ศ. 2373 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อจากเมืองสกลทวาปีเป็น “เมืองสกลนคร” และใช้มาจนถึงปัจจุบัน

จังหวัดสกลนครได้รับการขนานนามว่าเป็น "แหล่งธรรมะแห่งอีสาน" เนื่องจากมีความเจริญรุ่งเรืองของพุทธศาสนามาตั้งแต่อดีต เป็นถิ่นกำเนิดและพำนักของอริยสงฆ์ที่สำคัญและเป็นที่เคารพบูชาหลายท่าน เช่น พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร พระอาจารย์วัน อุตตโม หลวงปู่หลุย จันทสาโร และหลวงปู่เทสก์ เทสก์รังสี เป็นต้น

ปัจจุบันจังหวัดสกลนครแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 18 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสกลนคร อำเภอกุสุมาลย์ อำเภอกุดบาก อำเภอพรรณานิคม อำเภอวาริชภูมิ อำเภอส่องดาว อำเภอสว่างแดนดิน อำเภอวานรนิวาส อำเภออากาศอำนวย อำเภอบ้านม่วง อำเภอพังโคน อำเภอคำตากล้า อำเภอนิคมน้ำอูน อำเภอเต่างอย อำเภอโคกศรีสุพรรณ อำเภอเจริญศิลป์ อำเภอโพนนาแก้ว และอำเภอภูพาน

ที่พัก

จังหวัดสกลนครมีโรงแรมขนาดกลาง โรงแรมขนาดเล็ก และรีสอร์ตจำนวนมากในอำเภอเมืองฯ อำเภอสว่างแดนดิน และอำเภอพังโคน ราคาห้องพักเริ่มตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลายพันบาท ขึ้นอยู่กับประเภทของห้องพักและที่ตั้ง

นอกจากนี้สกลนครยังมีอุทยานแห่งชาติหลายแห่งที่มีบริการบ้านพัก จุดกางเต็นท์ และเต็นท์ให้เช่าในราคาย่อมเยา สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบและต้องการใกล้ชิดธรรมชาติเป็นพิเศษ รวมทั้งผู้ที่นิยมการพักผ่อนในบรรยากาศแบบแค้มปิ้งด้วย เช่น อุทยานแห่งชาติภูพาน อุทยานแห่งชาติภูผายล อุทยานแห่งชาติภูผาเหล็ก ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

สถานที่ท่องเที่ยว

จังหวัดสกลนครมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่มีชื่อเสียงมากมายและหลากหลายรูปแบบ เช่น พระธาตุภูเพ็ก พิพิธภัณฑ์อาจารย์ฝั้น อาจาโร พิพิธภัณฑ์อาจารย์มั่น ภูริทัตโต ชุมชนคาทอลิกหมู่บ้านท่าแร่ อุทยานแห่งชาติภูพาน เขื่อนน้ำพุง พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ ศูนย์ศิลปาชีพบ้านกุดนาขาม ฯลฯ

กิจกรรมท่องเที่ยว

จังหวัดสกลนครมีทรัพยากรในด้านการท่องเที่ยวมากมายและหลากหลายรูปแบบ มีกิจกรรมท่องเที่ยวที่โดดเด่น เช่น เยี่ยมชมและนมัสการพระธาตุต่างๆ เที่ยวชมศาสนสถาน ปราสาทโบราณ โบราณสถาน พิพิธภัณฑ์ และศูนย์วัฒนธรรม ล่องเรือชมทิวทัศน์รอบหนองหานและอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนแห่งต่างๆ เยี่ยมชมพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ เป็นต้น

อาหารและเครื่องดื่ม

อาหารการกินในจังหวัดสกลนครมีให้เลือกมากมาย ทั้งอาหารตามสั่ง อาหารจานเดียว สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบลิ้มรสอาหารท้องถิ่น ร้านอาหารในตัวเมือง ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และในตลาดสด มีอาหารพื้นเมืองหลายเมนูให้ลองชิม

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว....

พระธาตุดุม

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และอนุสาวรีย์

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

พระธาตุดุม ตั้งอยู่ที่บ้านธาตุดุม ตำบลงิ้วดอน อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 5 กิโลเมตร สามารถไปถึงได้ไม่ยาก โดยใช้ถนนสาย รพช. ไปทางโรงเรียนพัฒนศึกษาประมาณ 5 กิโลเมตร ก็จะถึงวัดพระธาตุดุม อันเป็นที่ตั้งขององค์พระธาตุ

พระธาตุดุม เป็นปราสาทแบบเขมร (ขอม) จำนวน 3 หลัง ปัจจุบันเหลืออยู่เฉพาะองค์กลาง ส่วนองค์ทางด้านทิศเหนือและทิศใต้ปรากฏเฉพาะฐานศิลาแลงเท่านั้น ซึ่งอาจเป็นเพราะยังสร้างไม่แล้วเสร็จ

สำหรับพระธาตุองค์กลางนั้นก่อสร้างด้วยอิฐ ด้วยวิธีการเรียงแบบเฟลมมิชบอนด์ (Flemish Bond) คือ จะเรียงอิฐตามหน้ายาว โดยให้หน้าตัดอยู่ในแถวเดียวกัน และแบบอิงลิชบอนด์ (English Bond) คือ จะเรียงหน้ายาวแถวหนึ่งและหน้าตัดแถวหนึ่งสลับกันไป นับว่าพระธาตุดุมเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ใช้วิธีการเรียงอิฐทั้ง 2 แบบผสมผสานกันอย่างลงตัว

พระธาตุดุม มีลักษณะองค์พระธาตุเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ตัวเรือนธาตุทำเป็นย่อมุมทั้ง 4 มุม ที่ผนังด้านทิศเหนือ ใต้ และตะวันตก ทำเป็นซุ้ม มีประตูหลอก และเหนือประตูหลอกขึ้นไปเป็นทับหลัง ซึ่งมีทั้งภาพนารายณ์บรรทมสินธุ์ ภาพเทวดาทรงพาหนะเหนือหน้ากาล ประกอบด้วยสัตว์ต่างๆ เช่น ช้าง สิงห์ ฯลฯ และลายใบไม้ม้วน จากทับหลังที่ยังคงหลงเหลืออยู่นี้เอง ทำให้สันนิษฐานได้ว่า พระธาตุดุมสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 16 – 17 และเป็นศิลปะแบบปาปวน

ปัจจุบันบริเวณวัดพระธาตุดุมได้รับการปรับปรุงจนมีสภาพดีขึ้นกว่าเดิมเป็นอันมาก มีการตกแต่งทางเข้าอย่างสวยงาม จัดให้รถยนต์สามารถวิ่งได้ตามถนนรอบนอกพระธาตุ และยังจัดให้มีสถานที่จอดรถไว้รองรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย ดังนั้น หากคุณมีโอกาสได้ไปเยือนเมืองสกลนครแล้วล่ะก็ อย่าลืมแวะไปชมโบราณสถานอันทรงคุณค่าแห่งนี้ที่วัดพระธาตุดุม 

 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------

พระธาตุนารายณ์เจงเวง

สถานที่เกี่ยวกับศาสนาอื่นๆสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และอนุสาวรีย์

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

วัดพระธาตุนารายณ์เจงเวง สร้างขึ้นพร้อมกันกับ "พระธาตุนารายณ์เจงเวง" หรือ "อรดีมายานารายณ์เจงเวง" โดยชื่อนี้ตั้งชื่อตามผู้สร้างโดยกลุ่มสตรีของพระนางนาเวงแห่งเมืองหนองหานหลวง มีการแข่งขันกลุ่มบุรุษชาวเมืองหนองหานน้อย เพื่อรอรับพระพระมหากัสสปะเถระ ซึ่งนำพระอุรังคธาตุไปบรรจุยังดอยภูกำพร้า โดยตกลงกันว่าหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดสามารถสร้างพระธาตุเจดีย์ใหญ่เสร็จก่อนดาวเพ็กขึ้นฝ่ายนั้นจะเป็นผู้ชนะ

เป็นพระธาตุสร้างด้วยหินทราย มีลักษณะปรางค์แบบขอมที่ส่วนใหญ่สร้างกันในสมัยนั้น ส่วนฐานก่อด้วยศิลาแลงขนาดใหญ่ องค์เจดีย์รูปทรงสี่เหลี่ยมมีซุ้มประตูแต่ละด้าน ภายใต้ซุ้มข้างบนสลักรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ ประดับด้วยกนกด้านขด มุมทั้งสี่ด้านขององค์พระธาตุ เป็นรูปนาคห้าเศียร  รูปแบบและศิลปะสันนิษฐานว่ามีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 16–17 งานประเพณีของพระธาตุเจงเวงจะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น  11-15 ค่ำ เดือน  4 ของทุกปี

พระธาตุนารายณ์เจงเวง

ตามตำนานอุรังคธาตุกล่าวถึงโบราณสถานแห่งนี้ว่า ยังกล่าวว่า เมื่อพระมหากัสสปเถระและบริวารเดินทางมาถึงเมืองหนองหานหลวง กลุ่มสตรีชาวเมืองหนองหานได้ทูลขอแบ่งอุรังคธาตุ (กระดูกหน้าอก)ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่พระมหาเถระผู้ใหญ่มิได้ทรงอนุญาตด้วยผิดวัตถุประสงค์ที่พระพุทธองค์ที่ตรัสไว้ให้นำอุรังคธาตุไปประดิษฐานบรรจุเจดีย์ที่ภูกำพร้า กลางลำน้ำโขง(พระธาตุพนม) แต่มิให้เสียศรัทธา พระมหากัสสัปะเถระผู้ใหญ่จึงมอบให้พระอรหันต์รูปหนึ่งไปนำพระอังคารธาตุจากที่ถวายเพลิงพระศพสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาประดิษฐานไว้ในพระเจดีย์แห่งนี้ จึงนับว่าพระธาตุนารายณ์เจงเวงเป็นโบราณสถานที่สำคัญของเมืองสกลนคร

เมื่อครั้งปี พ.ศ. 2449 สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเมื่อครั้งทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย พระองค์ได้เสด็จตรวจราชการมณฑลนครราชสีมา และมณฑลอุดรอีสาน รวม 56 วัน โดยได้นิพนธ์ไว้ในหนังสือเรื่องเที่ยวที่ต่าง ๆ ภาคที่ 4 เกี่ยวกับเมืองสกลนครไว้ว่า “วันที่ 15 มกราคม ขี่ม้าไปบ้านนาเวง ระยะทาง 15 เส้น ไปตามถนนขอมสร้างไว้แต่ดึกดำบรรพ์ มีสะพานหินเปนสพานศิลาแลง ฝีมือขอมทำดีน่าดูอยู่แห่ง 1 เปนของสมัยเดียวกันกับเทวสถาน ที่ตำบลนาเวงมีเทวสถานเรียกว่า “อรดีมายานารายณ์เจงเวง” ตั้งอยู่บนเนินซึ่งมีซุ้มไม้ร่มรื่นดี

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 
 

พระธาตุภูเพ็ก

สถานที่เกี่ยวกับศาสนาอื่นๆ

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

 
 

ตั้งอยู่ที่ตำบลนาหัวบ่อ อำเภอพรรณานิคม  ผู้ที่จะไปนมัสการพระธาตุต้องเดินขึ้นบันไดประมาณ 491 ขั้น จะถึงองค์พระธาตุซึ่งสร้างอยู่บนยอดเขาภูพาน องค์พระธาตุสร้างด้วยหินทรายบนฐานศิลาแลง มีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุม ด้านหน้าเชื่อมต่อกับมณฑป รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ชั้นที่ 1 สูงประมาณ 1.58 เมตร ชั้นที่ 2 สูงประมาณ 0.70 เมตร ตัวปราสาทสูง 7.67 เมตร  ซึ่งยังสร้างไม่แล้วเสร็จ  ไม่มีหลังคา และยอดปราสาท  เพียงแต่ทำขื่อตั้งไว้เท่านั้น พระธาตุภูเพ็กสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู ภายหลังดัดแปลงเป็นพุทธศาสนสถานและมีการยกเรื่องประวัติศาสตร์ การก่อสร้างไว้ในตำนานพระอุรังคธาตุ หรือตำนานพระธาตุพนม ซึ่งกล่าวไว้ว่า พระธาตุภูเพ็กสร้างโดยกลุ่มผู้ชายเพื่อแข่งขันกับกลุ่มผู้หญิงซึ่งสร้างพระธาตุนารายณ์เจงเวงเพื่อรอบรรจุพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้า แต่กลุ่มผู้ชายได้ยุติการสร้างเมื่อเห็นดาวเพ็กบนท้องฟ้า ซึ่งเป็นกลลวงของกลุ่มผู้หญิงผู้สร้างพระธาตุนารายณ์เจงเวง ปราสาทหลังนี้จึงได้ชื่อว่า ปราสาทพระธาตุภูเพ็ก ตามชื่อดาว “เพ็ก”

นักพิภพวิทยาท่านหนึ่ง คือ คุณสรรค์สนธิ บุณโยทยาน สนใจศึกษาการใช้แท่งหินนี้ และนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาประมวลผลด้านดาราศาสตร์ พบว่าเมื่อใส่ข้อมูลพิกัดตำแหน่งของปราสาท เส้นรุ้งที่ 17 องศาเหนือและใส่วันที่ปรากฏการณ์สำคัญต่างๆ จะได้มุมกวาดเป็น 6590 และ 115 องศา ซึ่งเป็นตำแหน่งดวงอาทิตย์ขึ้น หมุนเวียน โดยในวันเริ่มต้นของปี  จะเป็นวันที่เวลากลางวันเท่ากับเวลากลางคืน ดวงอาทิตย์ทำมุมฉากกับเส้นศูนย์สูตรของโลก ตรงกับวันที่ 21 มีนาคม เป็นฤดูใบไม้ผลิ หลังจากนั้นดวงอาทิตย์จะค่อยๆ เคลื่อนไปทางทิศเหนือ จนถึงจุดที่ไกลที่สุด ซึ่งจะเป็นวันที่กลางวันยาวที่สุด ตรงกับวันที่ 21 มิถุนายน จัดว่าเป็นฤดูร้อน จ.สกลนคร อยู่เส้นรุ้ง 17 องศาเหนือ กลางวันจะมี 13 ชั่วโมง ขณะเดียวกันเมื่อดวงอาทิตย์เคลื่อนมาถึงจุดที่ไกลที่สุดทางทิศใต้ ช่วงกลางวันจะสั้นที่สุดในรอบปี ตรงกับวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว จ.สกลนครจะมีกลางวัน 11 ชั่วโมง 

     ได้มีการทดสอบแนวแสงอาทิตย์ด้วยลูกดิ่งหลายครั้ง พบว่า แนวแสงจะพาดผ่านช่องสี่เหลี่ยมช่องใดช่องหนึ่งพอดี เมื่อตรงกับวันที่ ดังกล่าวข้างต้น เพราะฉะนั้นตำแหน่งที่ใช้ก่อสร้างปราสาทขอม ซึ่งรวมถึงปราสาทภูเพ็ก จึงต้องเป็นบริเวณที่โล่งแจ้ง ไม่มีสิ่งรกร้างที่จะกั้นแสงอาทิตย์ได้ การสร้างปราสาทหินภูเพ็กนี้สันนิษฐานว่า สร้างขึ้นในยุคสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ประมาณปี พ.ศ. 1742 สร้างจากก้อนหินทรายทรงสี่เหลี่ยม วางทำมุมฉาก ตามแนวทิศตะวันออก-ตก มีศิวลึงค์อยู่ด้านตะวันออก โดยมีด้านเปิดให้แสงอาทิตย์เข้าไปเพียงด้านเดียว ให้แสงสาดตรงที่ ณ ตำแหน่งของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในปราสาท

 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 
 

พระธาตุศรีมงคล

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และอนุสาวรีย์

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

ตั้งอยู่ที่วัดพระธาตุศรีมงคล ตำบลบ้านธาตุ ริมเส้นทางสายวาริชภูมิ - พังโคน ห่างจากตัวจังหวัด ประมาณ 65 กม. ลักษณะเป็นเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยม ยอดแหลม ตกแต่งด้วยศิลปกรรมยุคใหม่ก่ออิฐถือปูนประดับด้วยลายปั้นดินเผา บริเวณฐานเป็นพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าสร้างด้วยดินเผาที่สร้างขึ้นครอบพระธาตุองค์เดิม ซึ่งเป็นศิลาแลงที่ชำรุด การคมนาคมสะดวกรถยนต์สามารถเข้าถึงบริเวณวัด นับเป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาววาริชภูมิ

บริเวณที่ตั้งบ้านธาตุแต่เดิมพื้นที่เป็นป่าดง ครั้งแรกได้มีบุคคลกลุ่มหนึ่งมีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่อำเภอวาริชภูมิปัจจุบันนี้ เดิมเรียกว่า “ เมืองวารี” มีนายเวียงแก โฮมวงศ์ เป็นหัวหน้า พร้อมด้วยหลวงสุวรรณราช (กะยะ) ต้นตระกูลของสกุล “บุญรักษา” นายจันทะ-เนตร โฮมวงศ์ นายเมืองกาง หัศกรรจ์ หลวงแก้ว (ไม่ทราบนามสกุล) นายบุตราช บุญรักษา และนายจันด้วง แก้วคำแสน ได้พากันออกมาหักร้างถางพงไพร เพื่อทำไร่ แต่พอถางลึกเข้าไปก็พบองค์พระธาตุร้างอยู่ในดง จึงชะงักการถากถาง เพราะกลัวอำนาจศักดิ์สิทธิ์ของพระธาตุนี้จะลงโทษ ดังนั้นได้จึงนิมนต์ท่านพระครูหลักคำ ประธานสงฆ์เมืองวารี มาพิจารณา ท่านเห็นว่าสถานที่บริเวณนี้เป็นมงคล เหมาะที่จะสร้างหมู่บ้านได้จึงได้พร้อมใจกันถากถางบริเวณพระธาตุร้างนี้พร้อมทั้งได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลแผ่ไปให้แก่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รักษาองค์พระธาตุ และได้สร้างวัดตรงนั้น ท่านพระครูหลักคำได้ตั้งชื่อพระธาตุร้างนั้นว่า “พระธาตุศรีมงคล” ตั้งชื่อวัดว่า “วัดธาตุศรีมงคล” เมื่อประมาณ พ.ศ. 2444 และเรียกหมู่บ้านว่า “บ้านธาตุ” จนปัจจุบันนี้

ต่อมาได้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่เมืองวารี ประกอบกับทำเลตั้งบ้านเรือนคับแคบและเป็นที่ลุ่ม หน้าฝนบางครั้งน้ำท่วม ผู้คนจึงได้แยกย้ายอพยพออกไปจากเมืองวารีทางด้านทิศเหนือ ไปอยู่ที่บ้านพังฮอ ทางด้านทิศใต้ไปอยู่ที่บ้านห้วยบาง และทางทิศตะวันออกไปอยู่ที่บ้านธาตุจนถึงปัจจุบันนี้

ส่วนวัดธาตุศรีมงคล ได้มีเจ้าอาวาสปกครองดูแลมาตามลำดับ นับแต่เจ้าอาวาสองค์แรก พ.ศ. 2444 คือท่านพระครูพร ซึ่งเป็นลูกผู้ไทยบ้านธาตุมาจนถึงพระครูศรีเจติยานุ-รักษ์องค์ปัจจุบัน รวมทั้งหมดมี 13 องค์

ส่วนพระธาตุศรีมงคลนั้นสร้างขึ้นในสมัยใดไม่ทราบแน่ชัด ภายในพระธาตุนั้นมีวัตถุโบราณอันล้ำค่ายิ่ง เช่น พระพุทธรูปที่ทำด้วยทองคำบ้าง ทองสัมฤทธิ์บ้าง และทำด้วยวัตถุอย่างอื่นอีกมากมาย จะเห็นได้จากเมื่อพระธาตุสลักหักพังลงมา ชาวบ้านก็ได้รวบรวมโบราณวัตถุเหล่านั้นรักษาไว้ในสถานที่อันสมควร เพื่อการสักการบูชา มีพระพุทธรูปต่างๆจำนวนมาก ต่อมามีผู้แสวงหาวัตถุโบราณขโมยไปบางอย่าง ส่วนที่เหลือก็ได้รวบรวมบรรจุไว้ในองค์พระธาตุทั้งหมด

กล่าวกันว่า พระธาตุศรีมงคลนี้ได้สร้างคู่กับพระธาตุดงเชียงเครือ ซึ่งตั้งอยู่ห่างไปทางทิศเหนือประมาณ 500 เมตร สันนิษฐานว่า พะธาตุทั้งสองแห่งนี้ได้สร้างในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ผู้ครองเมืองเวียงจันทน์

 -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ภาพรอยสลักผาสามพันปีที่ภูผายล

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และอนุสาวรีย์

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

ตั้งอยู่ที่บ้านนาผาง ตำบลกกปลาซิว อำเภอเมือง  ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 38 กิโลเมตร ภูผายลเป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์ ในบริเวณนั้นมีภาพแกะสลักบนหน้าผาหินเป็นรูปภาพต่าง ๆ แสดงชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยในชุมชนก่อนประวัติศาสตร์ ที่ใช้ของแข็งขูดขีดลงบนหน้าผา เป็นรอยแกะสลักโบราณอายุกว่า 3,000 ปี เป็นรูปคน กวาง วัว ควาย ลายเรขาคณิต ฝ่ามือไร่นา เป็นต้นนอกจากนี้ ยังมีธรรมชาติรอบข้างเป็นป่าเขาที่สวยงาม        

การเดินทาง จากตัวอำเภอเต่างอยไปตามเส้นทางอำเภอเต่างอย-ศรีวิชา 5 กิโลเมตร ตาม ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2339  เข้าสู่บ้านม่วง-นาอ่าง และเดินทางต่อผ่านบ้านโพนบก-โพนแพง และบ้านนาผางตามลำดับ ระยะทาง 35 กิโลเมตร ก่อนถึงภูผายลจากบ้านนาผางขึ้นไปจะเป็นถนนลาดยางจนถึงหน้าผาหิน และมีบันไดขึ้นสู่หน้าผายอดเขาทั้งหมด 238 ขั้น ตามระยะทางสามารถแวะพักตามจุดชมวิว ซึ่งมีก้อนหินทรายตั้งวางเป็นระยะ บางแห่งรูปคล้ายเพิงพัก หรือแท่นที่นั่ง

 -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม หรือวัดถ้ำพวง และพิพิธภัณฑ์อาจารย์วัน อุตตโม

วัดพิพิธภัณฑ์

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

วัดถ้ำพวง เป็นวัดธรรมยุตินิกายฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน ตั้งอยู่ติดกับภูเขาในเขตท้องที่บ้านท่าวัด หมู่ที่ 1 ตำบลปทุมวาปี  อำเภอส่องดาว  จังหวัดสกลนคร ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่รอยต่อ  3  จังหวัด คือ จังหวัดสกลนคร – จังหวัดอุดรธานี  และจังหวัดกาฬสินธุ์ บนเทือกเขาภูพานซึ่งเชื่อมต่อจากจังหวัดสกลนครที่มีนามตามชาวบ้านท้องถิ่นเรียกว่า“ภูผาเหล็ก”ค งจะมาจากความหมายที่ว่าบริเวณพื้นที่ถ้ำพวงนั้นมีแร่เหล็กเป็นจำนวนมาก   หากนำแม่เหล็กวางลงบนพื้นดิน จะมีหินเล็กๆติดขึ้นมาเป็นพวง  กล่าวย้อนหลังไปประมาณ  70 – 80  ปี บริเวณพื้นที่วัดถ้ำพวงที่ชาวบ้านเรียกว่าถ้ำพวงนั้นคงจะอาศัยถ้ำเล็กๆ ซึ่งมีลักษณะเหมือนอย่างพวงเกวียนหรือกระทูลเกวียน ชาวบ้านจึงพากันเรียกถ้ำพวง และเรียกติดปากกันมาจนถึงทุกวันนี้

พื้นที่ถ้ำพวง  ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,000 ฟุต  มีหน้าผาล้อมรอบสูงชันตระการตาน่าสะพรึงกลัว มีทางขึ้นทางเดียว คือ ทางที่ใช้อยู่ในปัจจุบันพื้นที่ค่อนข้างราบเรียบและสูงชันตามสภาพของภูเขา

พิพิธภัณฑ์อาจารย์วัน อุตตโม เป็นอาคารเป็นรูปทรงจตุรมุข 2 ชั้น  ประดับด้วยหินอ่อนทั้งหลัง ชั้นล่าง ตกแต่งเป็นห้องแสดงภาพวาดเกี่ยวกับประวัติของพระอาจารย์ตั้งแต่เกิด ส่วนชั้นบน มีรูปปั้นของท่านในท่านั่งขัดสมาธิ พร้อมเครื่องสักการบูชาที่ตกแต่งสวยงาม และตู้กระจกแสดงเครื่องอัฐบริขารของท่าน บริเวณใกล้เคียงกันมีถ้ำพวงซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระมุจรินทร์องค์ใหญ่ และในบริเวณวัดถ้ำอภัยดำรงธรรมยังมีสังเวชนียสถานจำลองสถานที่ประสูติ  ตรัสรู้  ปฐมเทศนา  และปรินิพพานจากประเทศอินเดียแห่งเดียวในภาคอีสาน

พระอาจารย์วัน อุตตโม (พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร) ท่านเป็นพระที่ทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ศิษย์ "ทำให้ดูมากกว่าบอกให้ทำ" ท่านจึงเป็นที่เคารพรักของศิษย์ทั่วไปปฏิปทาของท่านคือความอดทนไม่บ่นว่าร้อนมาก หนาวมาก ท่านคงคิดว่าพูดออกไปแล้ว ก็ไม่ทำให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงได้กระมังจึงเงียบเสีย และคำว่าเหนื่อยมาก หิวมาก กระหายมาก ท่านก็ไม่เคยบ่น พูดไปก็คงไม่หายเหนื่อย พูดไปแล้วคงไม่หายหิว หายกระหาย นอกจากจะพักผ่อนเพื่อบรรเทาความเหนื่อยและรับประทานเสีย

พระอาจารย์วัน อุตตโม เดิมชื่อ วัน นามสกุล สีลารักษ์ เกิดวันที่ 13 สิงหาคม 2465 ที่ตำบลตาลโกน อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร บิดาชื่อ นายแหลม สีลารักษ์ มารดาชื่อ นางจันทร์ สีลารักษ์ มีพี่น้อง 2 คน พระอาจารย์วัน อุตตโม เป็นคนโต และมีพี่น้องต่างมารดาอีก 3 คน ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดศรีบุญเรือง ตำบลพันนา อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2479 โดยมี พระราชกวี (จูม พันธุโล) เป็นอุปัชฌาย์ ได้กลับมาจำพรรษาที่วัดอรัญญิกวาส อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร พระอาจารย์วัง ฐิติสาโร ซึ่งเป็นอาจารย์ของท่านได้พาออกเที่ยววิเวก 2 พรรษา และพาไปจำพรรษาที่วัดป่าบ้านสามผง ตำบลสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม อีก 2 พรรษา

พรรษาที่ 5 พระอาจารย์วัน อุตตโม ได้กราบลาอาจารย์เพื่อไปศึกษาฝ่ายปริยัติธรรมที่วัดป่าสุทธาวาส อำเภอเมืองสกลนคร พระอาจารย์วัน อุตตโม ได้รับการชักชวนจากพระอาจารย์สิงห์ ธนปาโล ไปฝากตัวเป็นศิษย์ กับพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล ที่วัดป่าบ้านท่าฆ้องเหล็ก อยู่ใกล้กับจังหวัดอุบลราชธานี และต่อมาท่านได้อุปสมบทที่วัดศรีธรรมาราม จังหวัดยโสธร เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2485 โดยมีพระครูจิตตวิโสธณาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาคล้าย วิสารโท เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่ออุปสมบทเป็นพระได้ทราบข่าวการมรณภาพของพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล ที่วัดบูรพาราม จังหวัดอุบลราชธานี จึงเดินทางไปนมัสการศพท่าน และได้พบพระอาจารย์พรหม จิรปุญโญ ที่วัดป่าสุทธาวาส ขณะที่จำพรรษาในปี พ.ศ.2488 พระอาจารย์วัน อุตตโม ได้จำพรรษาอยู่ร่วมกับพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่ที่วัดบ้านหนองผือ

 ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ สกลนคร

สวนและสวนสาธารณะ

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ สกลนคร คือ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี 80 พรรษา ลำดับที่ 5 ตั้งอยู่ที่ริมหนองหาร ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร มีเนื้อที่ 120 ไร่ เป็นพื้นดิน ประมาณ 70 ไร และพื้นน้ำประมาณ 50 ไร่ สมเด็จพระศรีนครินทร์บรมราชชนนี เสด็จเป็นประธานเปิดสวนด้วยพระองค์เองเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2530

หน่วยงานรับผิดชอบในการดูแลรักษา คือ เทศบาลนครสกลนคร ต้นไม้ประจำสวน คือ นนทรี

สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ สกลนคร เป็นสวนสาธารณะที่ติดกับบึงหรือหนองน้ำใหญ่ที่เรียกว่าหนองหาร หนองน้ำธรรมชาติของภาคอีสานที่มีอาณาเขตกินเนื้อที่หลายอำเภอและเป็นที่พักพิงและที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำและนกน้ำเป็นจำนวนมาก พื้นที่ส่วนหนึ่งของสวนยื่นล้ำเข้าไปในหนองหารและเป็นบริเวณหน้าสวนที่เด่น ทำให้ภูมิทัศน์มีความสวยและสง่างาม กลางสวนยังมีบึงเรียกว่า "สระพังทอง" มีตำนานที่เล่าว่าเป็นบึงที่ชาวบ้านขุดขึ้นมาพร้อมพระธาตุเชิงชุมซึ่งเป็นศาสนสถานสำคัญของจังหวัดสกลนครมีอายุย้อนไปถึงประมาณพุทธศตวรรษที่ 16 เป็นที่ที่เทวดาใช้สรงน้ำก่อนเข้าสักการะพระธาตุจึงถือเป็นบึงศักดิ์สิทธิ์ที่ทางราชการและประชาชนนำน้ำในบึงนี้ไปใช้ประกอบพิธีต่างๆ กลางบึงมีน้ำพุที่กล่าวกันว่าสูงที่สุดในประเทศไทย

การที่สวนตั้งอยู่ริมหนองหารและยังมีบึงสระพังทองอยู่ตรงกลาง และตลอดสวนมีต้นไม้ใหญ่เดิมขึ้นอยู่มากจึงทำให้สวนแห่งนี้มีความร่มเย็น ในการสร้างสวน ได้มีการจัดปลูกไม้ใหญ่ให้ร่มเงาเพิ่มขึ้น ปลูกไม้ดอกไม้ประดับเพื่อเพิ่มความงาม มีสวนป่า สวนน้ำ และสวนหินประดับ มีสวนและถนนเดินและวิ่งเหยาะออกกำลังกายโดยรอบสวน ในฤดูหนาวสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์แห่งนี้จะมีความสวยงามเป็นพิเศษด้วยมีหมอกบางๆ ให้บรรยากาศที่ประทับใจ

สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ สกลนคร นอกจากการใช้เป็นที่พักผ่อนสำหรับประชาชนแล้ว ยังจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวและใช้เป็นที่จัดงานประเพณีในเทศกาลต่างๆ ของจังหวัด เช่นพิธีอัญเชิญพระเวสสันดรเข้าเมืองในเทศกาลบุญพระเวส พิธีลอยกระทงหรือลอยประทีปพระราชทานจากองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถและทุกพระองค์ที่พระราชทานแก่พสกนิกรทุกปี นอกจากนี้ยังมีพิธีปล่อยปลา งานแข่งเรือในเทศกาลออกพรรษาอีกด้วย นับว่าเป็นสวนสาธารณะตัวอย่างในด้านความสมประโยชน์ คือใช้ได้ดีทั้งในด้านนันทนาการ กีฬา วัฒนธรรม ประเพณีและพิธีการสำคัญต่างๆ

 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สะพานขอม หรือ สะพานหิน

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และอนุสาวรีย์

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

อยู่ก่อนเข้าตัวเมือง เป็นโบราณสถานเล็ก ๆ ริมถนนสายนิตโย ถนนเส้นทางหลวงหมายเลข 22 ใกล้กิโลเมตรที่ 161 เส้นสกลนคร-อุดรธานี

ประวัติความเป็นมา

           สะพานหินถือเป็นโบราณสถานและขึ้นทะเบียนกรมศิลปากรไว้เมื่อ พ.ศ.2478 ในสมัยนั้นสะพานหินกว้าง 4 เมตร ยาว 16 เมตร สาเหตุที่กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเพราะมีคนเรียกว่า "สะพานขอม"

ต่อมานายกเทศมนตรีท่านหนึ่ง (นายกเทศมนตรีคนที่ 2 ของจังหวัดสกลนคร) พิจารณาเห็นว่าสะพานหินอยู่ขวางเส้นทางถนนทำให้ถนนคดโค้ง เพราะต้องหลบสะพานหินจึงได้ใช้หินลูกรังกลบทับสะพานหิน ซึ่งเป็นก้อนหินธรรมชาติขนาดใหญ่นั้นทิ้งหมด แต่ยังไม่ทันสร้างถนนตัดผ่านสะพานหินแต่อย่างใด ครั้นเมื่อหมดสมัยนายกเทศมนตรีผู้นั้นแล้ว นายกเทศมนตรีคนใหม่ก็เข้ามาดำเนินการขุดเอาดินลูกรังออก และเห็นว่าสะพานของเดิมชำรุดมากจึงของบประมาณกรมศิลปากรมาสร้างใหม่แทนของเดิม โดยใช้ก้อนหินศิลาแลงมาก่อให้เป็นรูปสะพาน มีบันไดขึ้นลง 3 ขั้น

ลักษณะทั่วไป

       โดยความเป็นจริงแล้วสะพานหินของดั้งเดิมมิได้เกี่ยวข้องกับการสร้างในคติขอมแต่อย่างใด เพียงทำเป็นสะพานเพื่อให้กระแสน้ำจากหนองสนม ซึ่งรับน้ำจากภูพานไหลผ่านลงหนองหานเท่านั้น ในช่วงนั้นอาจใช้สะพานเป็นทางเดินผ่านออกจากตัวเมืองสกลนครไปยังนอกเมือง ทั้งนี้เพราะที่ตั้งของเมืองสกลนครเป็นที่ลุ่ม น้ำท่วมขังง่าย การทำสะพานจึงมีความจำเป็นสำหรับการสัญจรของผู้คน

บริเวณสะพานจะมีสถานพักผ่อนของชาวสกลนครเรียกว่า "ลานร่วมน้ำใจ" เป็นจุดที่สามารถชมสะพานหิน ชมประตูเมืองสกลนครซึ่งประดิษฐานรูปหล่อของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร และหลวงพ่อพระองค์แสนซึ่งมีความงดงามยิ่ง และเป็นที่ที่สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ เสด็จมากราบสักการะทุกครั้งที่ทรงแปรพระราชฐานมายังพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์

 เส้นทางเข้าสู่สะพานหิน

             สะพานหินอยู่ริมถนนนิตโย ซึ่งเป็นถนนสายสกลนคร-อุดรธานี บริเวณปากทางเข้าออกตัวเมืองสกลนคร เมื่อเข้าตัวเมืองสกลนคร สะพานจะอยู่ด้านขวามือ แต่เมื่อออกจากตัวเมืองสกลนครสะพานจะอยู่ซ้ายมือ

 -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

หนองหาร

เขื่อน พื้นที่อนุรักษ์ ทะเลสาบ

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

ทะเลสาบหนองหาร หรือ หนองหานหลวง เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ เป็นรองจากบึงบอระเพ็ด ตั้งอยู่บริเวณอำเภอเมืองสกลนคร อำเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร มีเนื้อที่กว่า 77,000 ไร่ ความลึกเฉลี่ยประมาณ 2.0-10.0 เมตร

เป็นแหล่งรับน้ำตกของลำห้วยต่าง ๆ หลายสาย และยังเป็นต้นน้ำของลำน้ำก่ำซึ่งไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม อำนวยประโยชน์ในด้านการเพาะปลูก การเลี้ยงสัตว์ การประมง ซึ่งเป็นอาชีพหลักของชาวบ้านในชุมชนรอบหนองหาร ระดับน้ำในหนองหารลึกประมาณ 3-8 เมตร ในบริเวณหนองหารมีเกาะต่าง ๆ กว่า 20 เกาะ เช่น เกาะดอนสวรรค์ ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด บนเกาะมีวัดร้าง และพระพุทธรูปเก่าแก่ นอกจากนั้นตามเกาะต่าง ๆ เหล่านี้จะมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่มากมาย เป็นที่อยู่อาศัยของนกนานาชนิด บางเกาะได้สร้างศาลาพักร้อน เช่น เกาะแก้ว เกาะดอนสะคาม และเกาะดอนสะทุง ซึ่งในเวลากลางวันสาหร่ายที่อยู่ใต้พื้นน้ำ เมื่อแดดส่องลงในน้ำจะเห็นสาหร่ายเป็นสีทอง มีทัศนียภาพ นกน้ำ ปลา นานาพันธุ์ และวิถีชีวิตของชาวประมงหนองหาน

สันนิษฐานว่าหนองหารเกิดจากการยุบตัวของแผ่นเปลือกโลกอันเนื่องมาจากการถูกชะล้างของชั้นหินเกลือใต้ดินจนเกิดโพรงขนาดใหญ่ และเกิดการพังทลายยุบตัวลงเป็นหนองน้ำในเวลาต่อมา ตามคติความเชื่อของชาวสกลนคร หนองหาร เป็นผลจากการกระทำของพญานาค สืบเนื่องมาจากการกระทำอันผิดทำนองคลองธรรมของชาย-หญิง ในตำนานผาแดง นางไอ่

 ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 
 

พิพิธภัณฑ์อาจารย์มั่น ภูริทัตโต

พิพิธภัณฑ์

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ พิพิธภัณฑ์อาจารย์มั่น

 
 

ตั้งอยู่ในวัดป่าสุทธาวาส  ตรงข้ามศูนย์ราชการจังหวัด พิพิธภัณฑ์มีลักษณะการก่อสร้างแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ประยุกต์ สร้างด้วยกระเบื้องดินเผา ภายในพิพิธภัณฑ์มีรูปหล่อเหมือนองค์ของพระอาจารย์มั่น ในท่านั่งสมาธิ  และมีตู้กระจกบรรจุอัฐิของท่านที่แปรสภาพเป็นแก้วผลึกใสสีขาว ยกฐานสูงพื้นปูด้วยหินอ่อน พร้อมทั้งตู้แสดงเครื่องอัฐบริขาร รวมทั้งประวัติความเป็นมาของท่านตั้งแต่เกิดจนมรณภาพ พระอาจารย์มั่น กำเนิดในสกุลแก่นแก้ว ที่ตำบลโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 15 ปี และอุปสมบทเมื่ออายุ 22 ปี ที่วัดเลียบ จังหวัดอุบลราชธานี ท่านเป็นพระที่ยึดมั่นในปฏิมาธุดงด์กรรมฐานเป็นวัตร มีพระในสายเดียวกับท่านอีกหลายองค์ที่ได้เข้ามาปฏิบัติ และฝึกวิปัสสนากรรมฐานตามแนวของท่าน เช่น หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่ขาว อาลนาโย หลวงปู่แหวน  สุจินต์โน เป็นต้น ต่อมาท่านได้ย้ายจากการธุดงค์กรรมฐานเข้ามาจำพรรษาที่วัดป่าสุทธาวาส และมรณภาพเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492

ภายในบริเวณวัดร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ มีพระอุโบสถที่สวยงาม เด่นเป็นสง่า ซึ่งพระอุโบสถหลังนี้เคยเป็นกุฏิที่พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ได้มรณภาพ และยังเป็นที่ใช้ในการประชุมเพลิงพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ภายในพระอุโบสถมีพระพุทธรูปประจำวัดอาคารหลังนี้ใช้เป็นสถานที่ในการประกอบพิธีทางศาสนาต่างๆ ซึ่งสถานที่แห่งนี้มีความสำคัญและสวยงามมากๆ

นอกจากนั้นยังมี  พิพิธภัณฑ์หลวงปู่หลุย จันทสาโร ตั้งอยู่ในวัดป่าสุทธาวาส สร้างขึ้นเพื่อบรรจุอัฐิธาตุหลวงปู่หลุย (2444-2532) ซึ่งเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่สายวิปัสสนา ศิษย์ของพระอาจารย์มั่น หลวงปู่หลุยเป็นผู้ที่มีปฏิปทาชอบจาริกไปในที่ต่าง ๆ จนถึงวาระสุดท้ายแห่งชีวิตท่าน เมื่อท่านมรณภาพและพระราชทานเพลิงศพแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชกระแสว่า “ควรสร้างเจดีย์ที่วัดป่าสุทธาวาส อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ที่วัดนี้มีอัฐิธาตุของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ท่านจะได้อยู่ใกล้กัน” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ร่างแบบเจดีย์องค์นี้ด้วยพระองค์เอง

การเดินทาง ไปตามถนนสุขเกษมจนถึงศูนย์ราชการจังหวัดมีทางแยกซ้ายไปอีกประมาณ 250 เมตร

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

#ขอบคุณข้อมูลและภาพทั้งหมดจาก เว็ปไซด์ ททท.

#เที่ยวกับAKสนุก,ประหยัด,คุ้มค่า,สะดวก,จริงใจ

#ทำเรื่องเที่ยวให้เป็นเรื่องง่าย ใครก็เที่ยวได้เที่ยวกับเราสิคะAK

#AK  

 
       
 

 

โครงการพิเศษสำหรับสมาชิก

eae 04

     
 akm    AK HOTELS card RED OK
 A K Hotels Exclusive Club     AK Hotels Privilege Club

 eae 04

     
  logo akmtravel  
       
เชียงใหม่

    ทริปนี้ ที่เชียงใหม่....ดินแดนแห่งขุนเขาและสายหมอก พื้นที่อุดมสมบูรณ์ ธรรมชาติที่สวยงาม "เชียงใหม่ ไนท์...

หัวหิน

  เลียบทะเลบ้านกรูด...ชมน้ำใสสะอาด...ท้องฟ้าสีคราม         หาดบ้านกรูด อยู่ในเขตบ้านกรูด ตำบลธงชัย...

แม่ฮ่องสอน

            ปาย....เป็นเมืองเล็กๆ ทางตอนเหนือของจังหวัดแม่ฮ่องสอน...

กระบี่

  กระบี่.......           นอกจากกระบี่จะเป็นเมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก (มาก) แล้ว...

กระบี่

                                เที่ยวกระบี่...

       

travel

logo A K Reward Point

สะสมคะแนน

A K Reward Point

ยิ่งใช้ ยิ่งได้ ยิ่งคุ้ม ครบทุกไลฟ์สไตล์

ของการพักผ่อน รับคะแนนสะสม

เมื่อใช้จ่ายผ่าน เอ เค

......................................

Travel
รายการของรางวัลแลก
คะแนนสะสมในหมวด ท่องเที่ยว

......................................

Voucher
รายการของรางวัลแลก
คะแนนสะสมในหมวด บัตรกำนัล

003
แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว กรุงเทพมหานครฯ
แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว เชียงราย
แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว เชียงใหม่
ส่วนลด สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศ
ส่วนลด บริการรถเช่า
ส่วนลด ล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระเจ้า
ส่วนลด สนามกอล์ฟ
ส่วนลด สปา
ส่วนลด บริการสำรองตั๋วเครืองบิน

เลขที่ใบอนุญาต

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า Trustmarkthai
ttt 2

Special

A K Hotels Exclusive Club
A K Hotels Privilege Club
AK Reward Point
Review Up Point

จำนวนผู้เข้าชม

25024341
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
4233
28548
70142
24913592
65471
476400
25024341

Your IP: 3.224.220.101
thAsia/BangkokFri, 05 Jul 2024 02:28:50 +0700vAsia/BangkokFri, 05 Jul 2024 02:28:50 +0700 ICT2807Asia/Bangkok: %2024-%07-%05 %02:%Jul:%th

++ Hot !! Promotion ++

Duo Special

logologo akmtravel

HpvHex