ก่อตั้งเป็นราชธานีแห่งอาณาจักรล้านนาเมื่อกว่า 700 ปีก่อน โดยพญาเม็งรายมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เม็งราย ต่อมาในสมัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เชียงใหม่มีฐานะเป็นเมืองประเทศราช และเมื่อมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการปกครองส่วนภูมิภาคในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมืองเชียงใหม่จึงเปลี่ยนฐานะเป็นมณฑลพายัพ และกลายเป็นจังหวัดในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

เชียงใหม่ หรือชื่อเดิม “ นพบุรีศรีนครพิงค์ ”

เชียงใหม่นับเป็นศูนย์กลางของจังหวัดในภาคเหนือ โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เนื่องจากความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยว ทั้งทางด้านธรรมชาติอันงดงาม ด้านศิลปวัฒนธรรม และประเพณีของชาวเชียงใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์น่าประทับใจ และความพรั่งพร้อมในเรื่องสถานที่พักและบริการด้านการท่องเที่ยวต่างๆ ที่หลากหลาย เป็นที่ดึงดูดคนมาท่องเที่ยวนับล้านคนในแต่ละปี

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ดอยอ่างขาง

จังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่ประมาณ 20,107.057 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 12,566,910 ไร่ จำแนกเป็นพื้นที่ป่าไม้ 69.92 % (8,787,656 ไร่) พื้นที่ทำการเกษตร 12.82 % (1,611,971 ไร่) พื้นที่อยู่อาศัยและอื่นๆ 17.26 % (2,167,971 ไร่)

  ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปมีสภาพพื้นที่เป็นภูเขาและป่าละเมาะ มีที่ราบอยู่ตอนกลางตาม ฝั่งแม่น้ำปิง สภาพพื้นที่แบ่งออกได้เป็น ลักษณะ คือ พื้นที่ภูเขา ส่วนใหญ่อยู่ทางทิศเหนือและทิศตะวันตกของจังหวัด คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 80% ของพื้นที่จังหวัด เป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำลำธารไม่เหมาะต่อการเพาะปลูก และพื้นที่ราบลุ่มน้ำและที่ราบเชิงเขา กระจายอยู่ทั่วไประหว่างหุบเขาทอดตัวในแนวเหนือ-ใต้ อันได้แก่ ที่ราบลุ่มน้ำปิง ลุ่มน้ำฝาง และลุ่มน้ำแม่งัด เป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะสมต่อการเกษตร

 
 

ทิปส์ท่องเที่ยว

ช่วงฤดูหนาวจัดเป็นช่วงที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ ช่วงนั้นจะมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดเทศกาล ทำให้การจราจรในย่านตัวเมืองติดขัด แนะนำให้ใช้รถสองแถว หรือเช่ารถจักรยาน รถมอเตอร์ไซค์ ขี่เที่ยวในย่านตัวเมืองเชียงใหม่จะสะดวกที่สุด

การขับรถเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ที่สภาพเส้นทางลาดชันไปตามไหล่เขา ผู้ขับต้องใช้ความระมัดระวังเพิ่มขึ้นและเคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัด

ช่วงเวลาสำหรับการดูนกบนดอยอินทนนท์ คือ ช่วงเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งจะมีนกอพยพหนีหนาวมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก

ในเชียงใหม่มีสถานที่ชมดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทยอยู่หลายแห่ง แต่ละแห่งสวยงามไม่แพ้กัน เช่น ดอยอินทนนน์ ดอยขุนแม่ยะ ดอยขุนช่างเคี่ยน ดอกนางพญาเสือโคร่งมักออกดอกบานสะพรั่งพร้อมกันทั้งต้นในช่วงระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ควรตรวจสอบข้อมูลก่อนเดินทางไปท่องเที่ยว

 
       
 

สถานที่ท่องเที่ยว

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

วัดสวนดอกหรือวัดบุปผาราม

 เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย และปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นโบราณสถานสำคัญ ภายใต้การกำกับดูแลของกรมศิลปากรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เรื่องราวในอดีต

วัดสวนดอกในอดีตนั้น เป็นสวนดอกไม้ของเจ้านายฝ่ายเหนือในราชวงศ์เม็งราย โดยในปี พ.ศ.1914  พระเจ้ากือนา กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งราชวงศ์เม็งราย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็น "พระอารามหลวง" เพื่อให้เป็นที่จำพรรษาของ "พระมหาเถระสุมน" ผู้ประดิษฐานพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ ในแผ่นดินล้านนา และสร้างองค์พระเจดีย์เพื่อประดิษฐาน "พระบรมสารีริกธาตุ" 1 ใน 2 องค์ ที่ "พระมหาเถระสุมน" อัญเชิญมาจากสุโขทัย ในปี พ.ศ.1912 และต่อมาในปีพ.ศ. 2429 ในสมัยราชวงศ์เม็งราย วัดสวนดอกมีความเจริญรุ่งเรืองมาก แต่หลังจากสิ้นราชวงศ์เม็งราย บ้านเมืองตกอยู่ในอำนาจพม่า อีกทั้งเกิดจลาจลวุ่นวาย วัดนี้จึงกลายสภาพเป็นวัดร้างไป วัดสวนดอกได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่อีกครั้ง ในรัชสมัยพระเจ้าบรมราชาธิบดีกาวิละแห่งราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ และได้รับการทำนุบำรุงจากเจ้านายฝ่ายเหนือและประชาชนเชียงใหม่มาโดยตลอด

น่าชม

·      พระเจดีย์ใหญ่ทรงลังกาซึ่งเป็นพระเจดีย์ใหญ่ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สร้างขึ้นในปี พ.ศ.1914 ในรัชกาลของพระเจ้ากือนา กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งราชวงศ์เม็งราย พระเจดีย์องค์ใหญ่สูง 24 วา และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ

·      พระเจ้าเก้าตื้อ เป็นพระพุทธรูปหล่อองค์ใหญ่ สร้างด้วยโลหะหนัก 9 โกฏิตำลึง หรือประมาณ 9 พันชั่ง ในสมัยพระญาเมืองแก้ว กษัตริย์องค์ที่ 13 แห่งราชวงศ์เม็งราย เมื่อปี พ.ศ.2047 โดยเป็นพระพุทธรูปแบบเชียงแสนฝีมือช่างล้านนาและสุโขทัย หน้าตักกว้าง 8 ศอก หรือ 3 เมตร สูง 4.70 เมตร วัตถุประสงค์ของการสร้างพระเจ้าเก้าตื้อเพื่อเป็นองค์พระประธานในวัดพระสิงห์ แต่เนื่องจากมีน้ำหนักมากไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ พระญาเมืองแก้วจึงได้ถวายเรือนหลวง ของพระองค์เป็นพระวิหาร และพระราชทานชื่อว่า "วัดเก้าตื้อ" แทน  ต่อมาภายหลังได้รับการบูรณะ ปฏิสังขรณ์ในสมัยครูบาเจ้าศรีวิชัย ในปี พ.ศ.2475 ซึ่งปัจจุบันกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนให้พระเจ้าเก้าตื้อ เป็นโบราณสถานแห่งชาติด้วยเช่นกัน

·      พระพุทธปฏิมาค่าคิง ซึ่งเป็นพระประธานในพระวิหารหลวง สร้างในสมัยพระเจ้ากือนา พ.ศ. 1916 หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ขนาดเท่าพระวรกายของพระเจ้ากือนา หน้าตักกว้างสองเมตร สูงสองเมตรครึ่ง

·      ธรรมาสน์เทศนาแบบล้านนา สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2474 และซุ้มประตูวัด จำนวน 3 ซุ้ม เป็นซุ้มประสาทแบบล้านนาขนาดใหญ่ สร้างขึ้นเมื่อครั้งที่ครูบาศรีวิชัยบูรณะวัดสวนดอกเมื่อ พ.ศ.2474

·      ประเพณีต่างๆ ที่วัดจัดเป็นประจำทุกปี ได้แก่ ประเพณีทำบุญสลากภัต ตรงกับวันขึ้น 8 ค่ำ เดือนเกี๋ยงเหนือเดือน 11 ประเพณีตั้งธรรมหลวง หรือฟังเทศน์มหาชาติหลังออกพรรษาแล้วทุกปี และประเพณีทำบุญสรงน้ำพระบรมธาตุ ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3

ที่ตั้ง : ตั้งอยู่บนถนนสุเทพ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากประตูสวนดอก ไปทางทิศตะวันตก 1 กิโลเมตร

 เดินทางอย่างไร

 โดยรถยนต์

 ไปทางถนนสุเทพ มุ่งหน้าไปทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผ่านโรงพยาบาลมหาราช แล้วเลี้ยวซ้ายตรงโรงพยาบาลประสาท วัดสวนดอกอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาล

 โดยรถประจำทาง

 นั่งรถแดงจากในตัวเมือง

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

วัดแสนฝาง 

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

ชมความงดงามของวัดที่มีสถาปัตยกรรมงามวิจิตร โดยวัดแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยพญาแสนภู (กษัตริย์องค์ที่ 3) แห่งราชวงศ์มังราย ในปี พ.ศ.2119 ชื่อของวัด “แสน” นำมาจากพระนามของผู้สร้าง ส่วนคำ “ฝาง” นั้นหมายถึง “ฝัง” ซึ่งก็คือการฝังพระราชทรัพย์ไว้กับพระพุทธศาสนาอันเป็นการสร้างกุศลอย่างหนึ่ง วัดแสนฝางแห่งนี้เป็นวัด ที่มีความใกล้ชิดกับราชวงศ์มังรายอย่างมาก เพราะทุกพระองค์มักเสด็จมา ปฏิบัติธรรมและรักษาศีลที่วัดนี้อยู่เสมอ

น่าชม

·      วิหารลายคำ อันเป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนา ปิดทองล่องชาดทั้งหลัง ประดับด้วยลวดลายไม้แกะสลัก และปูนปั้นปิดทอง หน้าบันตกแต่งด้วยไม้แกะสลักลายก้านขดและสัตว์หิมพานต์

·      พระเจดีย์มงคลแสนมหาชัย อยู่ใกล้วิหารลายคำ พระเจดีย์องค์นี้แสดงลักษณะศิลปะแบบพม่าอย่างชัดเจน ลักษณะคล้ายพระเจดีย์ชเวดากองของพม่า ตั้งอยู่บนฐานย่อเก็จ มุมทั้งสี่ประดับด้วยสิงห์ปูนปั้น องค์เจดีย์ประดับแก้วเป็นลายพรรณพฤกษาวิจิตรงดงาม และมีเจดีย์รายอยู่โดยรอบ ปลียอดประดับด้วยฉัตรสีทองตามแบบไทใหญ่-พม่า

·      พระอุโบสถ สร้างโดยพระราชศรัทธาของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ตัวอาคารเป็นตึกสองชั้นแบบร่วมสมัย ชั้นล่างก่ออิฐถือปูน หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา ชายคาประดับด้วยไม้ฉลุแบบขนมปังขิง ส่วนชั้นบนเป็นโครงสร้างไม้ลวดลายวิจิตร ด้านข้างประดับรูปดาว สันหลังคาประดับรูปกินรี

·      กุฏิ 100 ปี โยนการพิจิตร ที่หน้าต่างทำซุ้มปูนปั้นแบบตะวันตก

·      หอไตรเก่าแก่ และหอเวรยามที่ใช้รักษาความปลอดภัยเมื่อครั้งโบราณ

ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ที่ ถนนท่าแพ ตำบลช้างม่อย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เวียงกุมกาม

(สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และอนุสาวรีย์)

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

เมืองโบราณที่มีอายุกว่า 727 ปีแห่งนี้ เต็มไปด้วยโบราณสถานมากมาย และได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับคนรัก ประวัติศาสตร์ที่อยากย้อนเวลากลับไปสู่ความรุ่งเรืองของเชียงใหม่ในยุคนั้น การเดินทางเข้าสู่โลกแห่งเวียงกุมกาม จะพาคุณย้อนเวลากลับไปในสมัยที่พ่อขุนเม็งรายโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองขึ้น เมื่อพ.ศ.1829 โดยให้ขุดคูเวียงทั้ง 4 ด้าน เพื่อกักแม่น้ำปิงมาขังไว้ในคูเวียง และจากการสำรวจโบราณสถานต่างๆ ในบริเวณเวียงกุมกามและพื้นที่ใกล้เคียงถึง 20 แห่งนั้น แต่ละแห่งล้วนสร้างในช่วงประมาณปีพุทธศตวรรษที่ 21-22  เลยทีเดียว

กิจกรรมน่าทำ 

·      นั่งรถรางหรือรถม้าชมโบราณสถานต่างๆ ที่ชาวบ้านในท้องถิ่นรวมกันจัดขึ้นมาบริการนักท่องเที่ยว โดยจะพาชมโบราณสถานเวียงกุมกามที่สำคัญ จำนวน 10 แห่ง ได้แก่ วัดเจดีย์เหลี่ยม วัดธาตุน้อย วัดช้างค้ำ วัดธาตุขาว วัดพญามังราย วัดพระเจ้าองค์ดำ กู่ป้าด้อม วัดปู่เปี้ย วัดหนานช้าง และวัดอีก้าง ใช้ระยะเวลาประมาณ 45 นาที ค่าบริการรถม้า 250 บาท รถรางคนละ 15 บาทหรือเหมาคันประมาณ 400 บาท 

·      เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมเลี้ยงขันโตกและสาธิตภูมิปัญญาพื้นบ้านบริเวณเวียงกุมกาม โดยต้องติดต่อล่วงหน้า สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.08 6193 5049 

·      รื่นรมย์ในกิจกรรมการแสดงทางศิลปวัฒนธรรม ถนนคนเดิน และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00-22.00 น. 

ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองเชียงใหม่ ประมาณกิโลเมตรที่ 3-4  ถนนเชียงใหม่-ลำพูน อยู่ในเขตตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และอยู่ใกล้ฝั่งด้านทิศตะวันออกของแม่น้ำปิง การเดินทางนั้น สามารถมาเข้าทางตู้ยามหนองหอยและตรงมาจนทะลุแยกเกาะกลางป่ากล้วยตรงต่อไปจนถึงตู้ยามเจดีย์เหลี่ยม สอบถามเพิ่มเติม โทร.0 5327 7322

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 

 
 

วัดเจดีย์เจ็ดยอด

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

ความโดดเด่นของวัดเจ็ดยอดที่มาพร้อมกับอายุอันเก่าแก่ของวัดคือลักษณะคล้ายกับมหาวิหารโพธิที่พุทธคยา ในประเทศอินเดีย ซึ่งฐานเจดีย์นั้นมีการประดับปูนปั้นรูปเทวดา ส่วนด้านนอกพระเจดีย์นั้น ประดับงานปูนปั้นรูปเทวดา ทั้งนั่งขัดสมาธิและยืนทรงเครื่องที่มีลวดลายต่างกันไปดูงามน่าชม อีกทั้งยังสถูปเจดีย์พระเจ้าติโลกราช เมื่อพระเจ้าติโลกราชสวรรคตในปี พ.ศ.2030 ซึ่งพระยอดเชียงราย ราชนัดดาได้สืบราชสมบัติแทน และโปรดฯ ให้สร้างสถูปใหญ่บรรจุอัฐิของพระอัยกาธิราช สิ่งต่อมาที่น่าชมคือสัตตมหาสถาน คือสถานที่สำคัญในพุทธประวัติเจ็ดแห่ง ได้แก่ โพธิบัลลังก์ อนิมิตเจดีย์ รัตนจงกรมเจดีย์ รัตนฆรเจดีย์ อชปาลนิโครธเจดีย์ ราชายตนเจดีย์ ปัจจุบันเหลืออยู่ที่วัดเจ็ดยอดเพียงสามแห่ง คือ อนิมิตเจดีย์ รัตนฆรเจดีย์ มุจจลินทเจดีย์

อย่างไรก็ตาม วัดเจ็ดยอดนั้นมีความสำคัญในประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของพุทธศาสนาในเมืองไทย เนื่องจากวัดนี้ได้ถูกใช้เป็นสถานที่ในการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 8 ของโลกและเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ในปี พ.ศ.2020 ในรัชสมัยพระยาติโลกราชอันเป็นช่วงเวลาที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมาก โดยพระยาติโลกราชนั้น ทรงสนับสนุนคณะสงฆ์นิกายสิงหล (ลังกาวงศ์) ทรงส่งเสริมการเล่าเรียนทางด้านปริยัติธรรม ทำให้ภิกษุล้านนามีความเชี่ยวชาญภาษาบาลี และโปรดฯ ให้ประชุมพระเถระชั้นผู้ใหญ่เพื่อชำระพระไตรปิฎก ณ วัดโพธารามมหาวิหารหรือวัดเจ็ดยอดในปัจจุบัน โดยใช้เวลา 1 ปีจึงแล้วเสร็จ นอกจากนี้พระอุโบสถหลังแรก ของวัดเจ็ดยอดนั้น พระเมืองแก้วพระราชาธิบดีลำดับที่ 12 แห่งราชวงศ์มังรายซึ่งทรงเป็นพระราชนัดดา ในสมเด็จพระเจ้าติโลกราช โปรดฯ ให้สร้างขึ้นตรงบริเวณที่ถวายพระเพลิง พระศพพระเจ้ายอดเชียงราย และด้านหลังของพระอุโบสถหลังนี้คือ สถูปเจดีย์อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าติโลกราช

ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ที่ตำบลช้างเผือก บนถนนซูเปอร์ไฮเวย์ (เชียงใหม่-ลำปาง) ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ออกมาเพียง 4 กิโลเมตร

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ชุมชนวัดเกต

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

ว่ากันว่าสายน้ำคือแหล่งหล่อเลี้ยงชีวิตของมนุษย์มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งอดีตของแม่น้ำปิงที่ไหลผ่านกลางเมือง เชียงใหม่แห่งนี้ ย่อมต้องมีเรื่องราวของชุมชนวัดเกตหลอมรวมอยู่ในนั้น โดยชุมชนวัดเกตนั้นเป็นชุมชนโบราณ ที่เต็มไปด้วยผู้คนจากหลากหลายเชื้อชาติทั้งชาวจีน ฝรั่งและชาวพื้นเมือง จึงก่อเกิดวัฒนธรรมหลากหลายของชุมชน ที่สะท้อนผ่านสถาปัตยกรรมคลาสสิกมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีวัดเกตการามเป็นศูนย์กลางของชุมชน ทั้งนี้ ชุมชมวัดเกตนั้นยังเคยเป็นท่าน้ำสำคัญของการเดินทางระหว่างกรุงรัตนโกสินทร์ (กรุงเทพมหานคร) กับเชียงใหม่และเมืองอื่นๆ ทางตอนใต้ลงไป ต่อมาในปี พ.ศ.2339 ภายหลังการสถาปนาเมืองเชียงใหม่เป็นประเทศราช ของกรุงรัตนโกสินทร์เริ่มมีการก่อสร้างบ้านเรือนขึ้นอย่างจริงจัง ย่านวัดเกตุจึงเริ่มมีบทบาทสำคัญทางด้าน เศรษฐกิจมากขึ้น และสิ่งเหล่านี้คุณจะได้รับชมและเรียนรู้ผ่านข้าวของต่างๆ ภายในพิพิธภัณฑ์วัดเกตการาม ซึ่งรวบรวมสมบัติดั้งเดิมของวัดเอาไว้ และเก็บรักษาดูแลอย่างดี อาทิเช่น ช่อฟ้า ใบระกาซึ่งเป็นไม้แกะสลัก ถ้วยชามฝาจีบ ภาชนะต่างๆ เป็นต้น และหลังจากชมอดีตจนจุใจแล้ว อย่าลืมออกมาเดินเลียบ ริมน้ำปิงชมความงามของอาคารบ้านเรือนริมฝั่งน้ำ เช่น บ้านอรพินทร์ บ้านสี่เสาหกเสา บ้านท่าชาติ ซึ่งตลอดเส้นทางมีร้านอาหารดั้งเดิมและร้านจำหน่ายของที่ระลึกให้คุณได้เพลิดเพลิน

ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ภายในวัดเกตการาม ริมฝั่งแม่น้ำปิงด้านตะวันออก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00-16.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 5324 8604 หรือ 0 5324 8607

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 

ดอยม่อนจอง

(ดอยและภูเขา)

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

เทือกดอยที่ขึ้นกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อยแห่งนี้ มีความสำคัญต่อระบบนิเวศของเมืองไทยเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยผืนป่าบริสุทธิ์ และเต็มไปด้วยสัตว์หายากนานาชนิดมากมาย โดยดอยม่อนจองนั้น ครอบคลุมพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ และ อำเภอสามเงา จังหวัดตาก ทั้งนี้ คำว่า ม่อน เป็นภาษาคำเมือง หมายถึง ดอยหรือเนินเขา ส่วนคำว่า จอง ก็เป็นภาษาคำเมืองจะออกเสียงว่า จ๋อง หมายถึง ลักษณะจั่ว สามเหลี่ยมที่อยู่สูงที่สุด และยิ่งกว่านั้น ดอยม่อนจองแห่งนี้ ติดอันดับ 1 ใน 10 ของยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย โดยจุดสูงสุดของดอยม่อนจองมีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,929 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งมีชื่อเรียกว่า หัวสิงห์ เพราะมีลักษณะคล้ายหัวสิงโต ในอดีตดอยม่อนจองเป็นดินแดนแห่งสรรพสัตว์ ที่ใช้ชีวิตอาศัยอยู่อย่างอิสระเสรี เช่นกวางผา หรือ ม้าเทวดาและเลียงผารวมทั้งโขลงช้างป่า แต่ปัจจุบันยังมีอยู่แต่หาชมได้ยากมาก และถ้าใครมีโอกาสได้พบสัตว์เหล่านี้แล้ว ถือว่าโชคดีมากเลยทีเดียว

ไฮไลท์แห่งยอดดอย

·      ชมภูเขาสูงสลับซับซ้อนที่จะมาพร้อมภาพของทุ่งหญ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีทองในช่วงหน้าหนาวงดงามมาก นอกจากนี้ ดอยม่อนจองยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่จะทำให้คุณลืมวินาทีนั้นไม่ลงอีกด้วย

·      ชมดอกกุหลาบพันปี ซึ่งจะบานในช่วงเดือนธันวาคมจนถึงเดือนมกราคม ว่ากันว่าต้นกุหลาบพันปีบนดอยม่อนจองต้นนี้ เป็นต้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

·      ชมนกหายากหลายชนิด เช่น เหยี่ยวนกเขาท้องขาว นกอินทรีแถบปีกดำ นกอินทรีเล็ก นกเปล้าท้องขาว นกมุ่นรกคอแดง นกเดินดงคอดำ เป็นต้น

·      เดินป่าชมธรรมชาติขึ้นสู่ยอดดอย การเดินขึ้นดอยม่อนจองสามารถไปเช้าเย็นกลับได้ แต่ถ้าไม่อยากเหนื่อยเกินไปนัก ควรใช้เวลา 2 วัน 1 คืน โดยต้องติดต่อขอนุญาตจาก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย หน่วยมูเซอ ซึ่งเป็นที่ตั้งที่ทำการเขตรักษาพันธุ์

ฤดูท่องเที่ยว

ดอยม่อนจองเปิดให้ท่องเที่ยวในช่วงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนไปจนถึง 15 กุมภาพันธ์ของทุกปี หลังจากนั้นจะปิดฤดูท่องเที่ยว และไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้น เพราะต้องระวังภัยเรื่องช้างป่าที่ออกมาหากิน รวมถึงสภาพอากาศที่ค่อนข้างแห้งจัดซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า

ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ที่ตำบลอมก๋อย อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร.0 5324 8604 หรือ 0 5324 8607

สำหรับการเดินทางนั้น มีรายละเอียดดังนี้

·      การเดินทางด้วยรถยนต์ ไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย (หน่วยมูเซอ) จากเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 108 แล้วแยกซ้ายจากอำเภอฮอดเข้าทางหลวงหมายเลข 1099 ไปจนถึงตัวอำเภออมก๋อย และตรงต่อไปตามทางหลวง 1099 ประมาณ 40 กิโลเมตร จะพบหน่วยมูเซออยู่ทางด้านซ้ายมือ จากหน่วยฯไปยังจุดเริ่มเดินอีกประมาณ 16 กิโลเมตร สภาพเส้นทางในช่วงนี้จำเป็นต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ และคนขับที่มีความชำนาญเป็นอย่างมาก เนื่องจากสภาพทางเป็นลูกรัง และแคบคดเคี้ยวริมผา

·      การเดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง จากอำเภอเมืองเชียงใหม่สามารถขึ้นรถได้ที่คิวรถประตูช้างเผือก มายังอมก๋อย รถจะออกประมาณ 08.00 น. สนใจสามารถติดต่อเช่ารถรับ-ส่ง ที่จุดเริ่มเดินที่ คุณเดช เสริมมติวงศ์ โทร.0 5346 7109 ส่วนเสบียงข้าวของต่างๆ หาซื้อได้ที่ตัวอำเภออมก๋อย และค่าบริการลูกหาบต่อวันคนละ 150 บาท

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ดอยอ่างขาง

(ดอยและภูเขา)

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ดอยอ่างขาง

หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติยอดนิยมของเชียงใหม่ ที่ทุกปีจะมีนักเดินทางพากันไปรับลมหนาว มากมายบนดอยอ่างขาง ดอยอ่างขางนั้นตั้งอยู่บนทิวเขาแดนลาว มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,400 เมตร และมียอดดอยสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางถึง 1,928 เมตร อากาศบนดอยอ่างขางจะหนาวเย็นตลอดปี โดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม อากาศจะหนาวจัดจนทำให้น้ำค้างกลายเป็นน้ำค้างแข็ง ซึ่งเรามักได้รับฟังรายงานถึงการเกิดแม่คะนิ้งหรือน้ำค้างแข็งบนยอดดอยแห่งนี้อยู่เสมอ

ไฮไลท์แห่งอ่างขาง

·      สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ.2512 เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ทางเฮลิคอปเตอร์ผ่านยอดดอยแห่งนี้ และทอดพระเนตรลงมาเห็นกลุ่มบ้านเรือนดูคล้ายชุมชน จึงมีพระดำรัสสั่งให้เครื่องลงจอด เมื่อเสด็จพระราชดำเนินลงมา ได้ทอดพระเนตรเห็นทุ่งดอกฝิ่น และหมู่บ้านของชาวเขาเผ่ามูเซอซึ่งในสมัยนั้นยังไว้แกละถักเปียยาว แต่งกายสีดำ สะพายดาบ จึงทรงมีพระราชดำรัสที่จะเปลี่ยนทุ่งฝิ่นให้เป็นแปลงเกษตร พร้อมกับริเริ่มสร้างโครงการวิจัยผลไม้ ไม้ดอกเมืองหนาว งานสาธิตพืชไร่ พืชน้ำมัน เพื่อส่งเสริมพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมแก่ชาวเขาเผ่ามูเซอ และชาวเขาในบริเวณใกล้เคียง นักท่องเที่ยวสามารถชมแปลงทดลองปลูกไม้ผลเมืองหนาว พืชผักเมืองหนาวและแปลงไม้ดอกที่สวยงาม เช่น ท้อ บ๊วย พลัม สตรอว์เบอร์รี่ สาลี่ ราสพ์เบอร์รี่ ลูกพลับ กีวี  ลูกไหน แครอท ผักสลัดต่างๆ ดอกคาร์เนชั่น กุหลาบ แอสเตอร์ เบญจมาศ เป็นต้น อีกทั้งยังสามารถเลือกซื้อผลิตผลตามฤดูกาลที่ปลูกในโครงการฯ ได้ด้วย ภายในสถานีฯ มีที่พักให้บริการ และกิจกรรมมากมาย เช่น เดินเท้าศึกษาธรรมชาติ ขี่ล่อชมธรรมชาติ เป็นต้น ที่นี่เปิดทำการทุกวัน  เวลา 06.00-18.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร.0 5345 0107-9

·      สวนบอนไซ อยู่ในบริเวณสถานีฯ ถือเป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้เขตอบอุ่นและเขตหนาว ทั้งในและต่างประเทศที่ปลูก ดัด แต่ง โดยใช้เทคนิคบอนไซได้อย่างน่าชม และในบริเวณเดียวกันยังมีสวนสมุนไพร แนะนำว่าควรมาท่องเที่ยวในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม และใกล้กับสถานีฯ จะมีหมู่บ้านคุ้ม ซึ่งเป็นชุมชนเล็กๆ ประกอบด้วยผู้อยู่อาศัยหลายเชื้อชาติอยู่รวมกัน อาทิ ชาวไทใหญ่ ชาวพม่าและชาวจีนฮ่อ ซึ่งได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณนี้และเปิดร้านค้าบริการแก่นักท่องเที่ยว

·      จุดชมวิวกิ่วลม อยู่ทางด้านซ้ายมือก่อนถึงทางแยกซึ่งจะไปหมู่บ้านนอแล ทางหนึ่ง และบ้านมูเซอขอบด้งทางหนึ่ง สามารถชมทะเลหมอกและวิวพระอาทิตย์ทั้งขึ้นและตกที่สามารถ มองเห็นวิวทิวเขาแบบพานอรามา และหากฟ้าเปิดจะมองเห็นสถานีเกษตรหลวงอ่างขางด้วย โดยทุกเช้ามักมีนักท่องเที่ยวมากมายเดินทางขึ้นไปชมทะเลหมอก พร้อมกับจับจ่ายซื้อของจากชาวบ้าน ที่มาวางขายแบกะดิน รวมทั้งรับประทานโจ๊กร้อนๆ ยามเช้าที่มีจำหน่ายบริเวณนี้

·      หมู่บ้านนอแล ตั้งอยู่บริเวณชายแดนไทย-พม่า เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าปะหล่อง เชื้อสายพม่า มีภาษาและวัฒนธรรมเป็นของตนเอง นับถือศาสนาพุทธ และอาณาบริเวณโดยรอบหมู่บ้านแห่งนี้ ยังสามารถมองเห็นทิวทัศน์สวยงามของธรรมชาติบริเวณพรมแดนไทย-พม่าอีกด้วย

·      หมู่บ้านขอบด้ง เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่ามูเซอดำและเผ่ามูเซอแดง ผู้คนยังคงนับถือผี มีวัฒนธรรมและความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ที่นี่ได้รับการส่งเสริมจากโครงการหลวงในด้านการเกษตร และด้านหัตถกรรมพื้นบ้าน (เช่น อาบูแค ซึ่งเป็นกำไลถักด้วยหญ้าไข่เหามีสีสันและลวดลายแบบมูเซอ) มีการจำลองบ้านและวิถีชีวิตของชาวมูเซอ และโครงการมัคคุเทศก์น้อยโดยชาวบ้าน ครู ร่วมกับนักเรียนโรงเรียนบ้านขอบด้งช่วยกันสร้างสรรค์ขึ้นมา เพื่อช่วยอธิบายวิถีชีวิตของพวกเขา ให้ผู้มาเยือน และยังเป็นการปลูกจิตสำนึกและสร้างความรักในท้องถิ่นให้เด็กๆ ด้วย

·      หมู่บ้านหลวง เป็นชุมชนชาวจีนยูนนานที่อพยพมาจากประเทศจีนในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรมเป็นหลัก อาทิ ปลูกผักผลไม้ เช่น พลัม ลูกท้อ และสาลี่

·      พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงที่ 1 (ฝาง) ตั้งอยู่ที่บ้านยาง ที่นี่เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการจำลอง โรงงานหลวงแห่งแรก เพื่อสื่อให้เห็นถึงการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาประเทศแบบบูรณาการ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เปิดทุกวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 08.30-16.30 น. โทร.0 5329 3630 หรือ www.firstroyalfactory.org นอกจากนี้ บริเวณรอบๆ ยังเป็นหมู่บ้านที่ราบเชิงเขาลุ่มแม่น้ำงอน มีบ้านดินที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีวัฒนธรรมดั้งเดิม มีน้ำตกบ้านยาง แปลงสมุนไพร โรงไฟฟ้าพลังน้ำ วัดเจ้าแม่กวนอิมพระราชทาน ตลาดสด ให้เที่ยวชม

ที่ตั้ง : ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ สามารถเดินทางโดยใช้ทางหลวงหมายเลข 107 สายเชียงใหม่-ฝาง ประมาณกิโลเมตรที่ 137 จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าบ้านยางที่ตลาดแม่ข่า เข้าไปอีกประมาณ 25 กิโลเมตร เป็นทางลาดยาง สูงและคดเคี้ยว ต้องใช้รถสภาพดีและมีกำลังสูง คนขับชำนาญ หรือหาเช่ารถสองแถวได้ที่ตลาดแม่ข่า นอกจากนี้สามารถเดินทางมาโดยรถประจำทางจากอาเขตช้างเผือก นั่งรถสายเชียงใหม่-ฝาง เชียงใหม่-ท่าตอน หรือเชียงใหม่-แม่อาย มาลงหน้าทางขึ้นดอยอ่างขาง แล้วต่อรถสองแถวอีก 25 กิโลเมตร สำหรับการท่องเที่ยวบนดอยอ่างขาง สามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ www.thairoyalprojecttour.com

 ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ดอยเชียงดาว

(ดอยและภูเขา)

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

หลายคนมักเดินทางขึ้นสู่ยอดดอยหลวงเชียงดาว เพื่อรับแสงแรกในวันขึ้นปีใหม่ และยอดดอยหลวงเชียงดาวแห่งนี้คือจุดสูงสุดของดอยเชียงดาว ซึ่งตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยเชียงดาวนั่นเอง ดอยเชียงดาวนั้นเป็นภูเขาหินปูนที่มีอายุระหว่าง 230-250 ล้านปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาถนนธงชัย และมีความสูง 2,195 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง นับเป็นดอยที่สูงอันดับ 3 ของประเทศรองจากดอยอินทนนท์และดอยผ้าห่มปก โดยจากที่แคบๆ บนยอดดอยนั้น เราสามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามในมุมมองพานอรามา ที่มีทั้งทะเลหมอกด้านอำเภอเชียงดาว ดอยสามพี่น้อง เทือกดอยเชียงดาว ตลอดจนถึงยอดดอยอินทนนท์อันไกลลิบ

ก่อเกิดดอยเชียงดาว

ดอยเชียงดาวจัดอยู่ในหมู่หินราชบุรีของไทยอันเกิดจากการทับถมของตะกอนทะเล และซากสัตว์ที่มีหินปูน ทั้งนี้ มีการสันนิษฐานว่า พื้นที่ในบริเวณนี้ในอดีตเคยเป็นท้องทะเลมาก่อน จากการตกตะกอนทับถมของซากสิ่งมีชีวิต เช่น ปะการังและหอยมากมาย อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันดอยเชียงดาวคือสถานที่ในตำนานของนักท่องป่า ที่ใฝ่ฝันว่าครั้งหนึ่งในชีวิต พวกเขาต้องพิชิตยอดดอยเชียงดาวให้ได้สักครั้ง

ไฮไลท์แห่งเชียงดาว

ที่นี่…คุณจะได้ชมความอัศจรรย์ของพรรณไม้ชนิดพิเศษที่เรียก “กึ่งอัลไพน์” แห่งเดียวในเมืองไทย โดยมีลักษณะเป็นพุ่มไม้เตี้ยๆ และไม้ล้มลุกเนื่องจากหน้าดินมีน้อย ไม่มีน้ำ และอากาศเย็น ซึ่งลักษณะเช่นนี้ถือเป็นพืชแบบแถบหิมาลัย แต่พัฒนาตนเองจนกลายเป็นพืชเฉพาะถิ่น จึงมีดอกไม้สวยๆ และพรรณไม้มากมายที่เราพบได้เฉพาะที่นี่ที่เดียวเท่านั้น เช่น สิงโตเชียงดาว สิงโตขนตาขาว สิงโตตาแดง สิงโตเล็บเหยี่ยว อั้วปากฝอยเชียงดาว งูเขียวปากม่วง รองเท้านารีเมืองกาญจน์  เอื้องนางเทียน นอกจากนั้นยังมีพรรณไม้ที่โดดเด่นและมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวอยู่อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเทียนนกแก้ว ที่ให้ดอกเป็นรูปร่างเหมือนนกแก้ว ค้อเชียงดาวหรือปาล์มรักเมฆ ที่สามารถขึ้นได้ในสภาพหินปูน และอยู่ตามไหล่เขา เหยื่อจงหรือเทียนหมอคา ซึ่งเป็นเทียนที่ใหญ่ที่สุด ชมพูพิมพ์ใจ และกุหลาบเลื้อยเชียงดาว หรือศรีจันทรา  

นอกจากนี้ดอยหลวงเชียงดาวยังเป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่าที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ เช่น ผีเสื้อสมิงเชียงดาว ไก่ฟ้าหางลายขวาง กวางผาหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ม้าเทวดา” และเลียงผาเป็นต้น

ฤดูท่องเที่ยว

ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยเชียงดาวเปิดให้ท่องเที่ยวได้เป็นเวลา 5 เดือนตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนจนถึง 31 มีนาคของทุกปี หลังจากนั้นจะปิดฤดูท่องเที่ยวเพื่อให้ธรรมชาติฟื้นตัว

ทิปส์ท่องเที่ยว

·      เพื่อให้เก็บบรรยากาศของดอยเชียงดาวได้ครบแบบไม่เหนื่อยจนเกินไปควรใช้เวลาอย่างน้อย 3 วัน 2 คืน

·      ส่วนใหญ่แล้ว การเดินทางสู่ยอดดอยเชียงดาวเริ่มที่ถ้ำเชียงดาว ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถติดต่อคนนำทาง ลูกหาบ รวมทั้งรถไปส่งที่จุดเริ่มเดินได้ โดยค่าเช่ารถประมาณ 900 บาท ค่าจ้างลูกหาบประมาณวันละ 300 บาทต่อลูกหาบหนึ่งคน

·      บนดอยเชียงดาวไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ นักท่องเที่ยวต้องเตรียมไปด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องนอน อาหาร และน้ำ ส่วนเส้นทางลงนิยมใช้ทางสายบ้านถ้ำซึ่งอยู่ใกล้กับถ้ำเชียงดาวเพราะมีทางสูงชัน สามารถลงได้รวดเร็วกว่า แต่ไม่เหมาะกับการขึ้นดอย

ที่ตั้ง : อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ การเข้าไปใช้พื้นที่บนดอยหลวงเชียงดาว ต้องทำหนังสือขออนุญาตถึงผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพรรณพืช อย่างน้อย อาทิตย์ก่อนการเดินทาง สอบถามเพิ่มเติม โทร.0 2561 2947

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ถ้ำเชียงดาว

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

ท่องถ้ำที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งภายในถ้ำนั้นน่าตื่นตาด้วยหินงอกหินย้อยที่มีรูปร่างต่างๆ กันชวนจินตนาการไม่รู้จบ และอีกเสน่ห์หนึ่งของถ้ำเชียงดาวแห่งนี้คือการมีน้ำไหลออกมาจากถ้ำตลอดปี อย่างที่ไม่เคยเหือดแห้งเลยแมแต่น้อย และน้ำเหล่านั้นได้ไหลมารวมกันในแอ่งน้ำที่มีฝูงปลาเวียนว่ายอย่างมีชีวิตชีวา สร้างบรรยากาศที่สดชื่นและร่มรื่นด้วยหมู่ไม้น้อยใหญ่ที่ทอดร่มเงา ไม่เพียงเท่านั้นบริเวณปากถ้ำเชียงดาวยังเป็นที่ตั้ง ของวัดเชียงดาว อันเป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธรูปทันใจ” ที่เชื่อกันว่าหากได้อธิษฐานขอพรแล้วจะสมหวังดัง ปรารถนาอย่างรวดเร็วทันใจ

ตำนานแห่งถ้ำเชียงดาว

เล่าลือกันว่าถ้ำเชียงดาวเป็นถ้ำโบราณที่มีเรื่องราวลี้ลับในอดีต คือเรื่องของเจ้าหลวงคำแดง บุตรชายของเจ้าผู้ครองเมืองพะเยา ซึ่งได้ทิ้งบ้านเมืองเพียงเพื่อตามหาหญิงสาวที่แปลงร่างเป็นกวางทอง เพราะหลงในรูปโฉมอันงดงามของเธอ และกวางตัวนั้นได้หายลับเข้าไปในถ้ำแห่งนี้ เจ้าหลวงคำแดงจึงตามเข้าไปในถ้ำและก็ไม่ได้กลับออกมาอีกเลยนับจากนั้น ชาวบ้านพากันเชื่อว่า เจ้าหลวงคำแดงน่าจะกลายเป็นเทวดาคอยปกปักรักษาถ้ำไปเสียแล้ว ต่อมาชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างศาลถวายท่าน และตั้งชื่อว่า “ศาลพ่อหลวงคำแดง” ที่มีตำนานกล่าวไว้ว่า ในคืนที่มีนิมิตหมายอันดี บนท้องฟ้าไร้เมฆหมอก จะปรากฏลูกกลมๆ มีแสงสว่างคล้ายพระธาตุลอยออกมาจากหลังดอยเชียงดาว แล้วเคลื่อนไปทางทิศตะวันออก เป็นเวลา 5 นาที ก็จะได้ยินเสียงดังคล้ายเสียงของปืนใหญ่ พร้อมกับที่แสงสว่างนั้นก็หายวับไปด้วย ซึ่งชาวบ้านพากันเชื่อกันว่าเป็นวิญญาณของเจ้าหลวงคำแดงที่กลับไปเยี่ยมบ้านเกิดเมืองนอนที่เมืองพะเยา

ที่ตั้ง : อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ โดยตั้งอยู่เชิงเขาของดอยหลวงเชียงดาว

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 
 

ทะเลสาบดอยเต่า

(เขื่อน พื้นที่อนุรักษ์ ทะเลสาบ)

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ทะเลสาบดอยเต่า เชียงใหม่

ทะเลสาบดอยเต่าเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่เหนือเขื่อนภูมิพล และปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับ พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองเชียงใหม่ ที่นิยมเดินทางมาที่นี่กันในสุดสัปดาห์ เพราะมีกิจกรรมเพื่อความสุขสันต์ ให้ทำมากมายตลอดทั้งวัน

กิจกรรมน่าเที่ยว

·      นั่งเรือชมทิวทัศน์งดงามในทะเลสาบ

·      ล่องแพพักค้างคืนกลางทะเลสาบ ที่คุณสามารถตกปลา นอนเล่น สังสรรค์กับเพื่อนฝูงพร้อมกับรับประทานเมนูปลาสดๆ จากเขื่อน โดยในทะเลสาบดอยเต่านั้นมีบริการทั้งแพพักและแพอาหาร และหากใครสนใจแพลากจูงไปจอดเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ก็สามารถทำได้ ซึ่งในช่วงที่มีน้ำมากพอ มักจะอยู่ราวๆ เดือนตุลาคมจนถึงเมษายน สามารถนำแพนั้นไปถึงเขื่อนภูมิพล จังหวัดตากเลยทีเดียว โดยใช้เวลาประมาณ 1 วัน 1 คืน

·      ช็อปปิ้งปลาแห้งหรือปลาย่างที่ชาวบ้านแถวนั้นนำมาขาย เนื่องจากอาชีพประมงเป็นอาชีพหนึ่งที่ชาวบ้านนิยมทำกันในทะเลสาบแห่งนี้

ที่ตั้ง : อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

น้ำตกหมอกฟ้า

(น้ำตก)

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

ชมน้ำตกที่ไหลลงจากหน้าผาสูงเช่นน้ำตกหมอกฟ้า ซึ่งมีความสวยงามตามธรรมชาติในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ดอยปุย ด้วยความโดดเด่นของตัวน้ำตกที่กระโจนลงมาจากหน้าผาสูงแล้วไหลลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง ก่อให้เกิดละอองน้ำกระเซ็นลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณ เปรียบเสมือนสายหมอกสีขาวที่น่าจะเป็นที่มาของชื่อน้ำตกแห่งนี้นั่นเอง ที่นี่จึงกลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเชียงใหม่ที่นิยมมาเล่นน้ำตก ในช่วงสุดสัปดาห์ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมน่ารื่นรมย์มากมาย ทั้งเดินป่าตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ตั้งแคมป์ ดูนก หรือชมค้างคาวจากถ้ำหมอกฟ้าที่อยู่ไม่ไกลจากน้ำตก โดยน้ำตกหมอกฟ้าแห่งนี้จะสวยที่สุดในช่วงฤดูหนาว ซึ่งไม่เพียงมีอากาศเย็นสบายเท่านั้น หากน้ำยังใสสะอาดสามารถลงเล่นน้ำในแอ่งได้อย่างสบายอารมณ์

สิ่งอำนวยความสะดวก

ที่นี่มีลานกางเต็นท์ บ้านพักนักท่องเที่ยว 4 หลัง หากสนใจเข้าพักควรติดต่ออุทยานฯ ล่วงหน้า

ที่ตั้ง : ตั้งอยู่บนพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย หากเดินทางโดยรถประจำทางสามารถขึ้นได้ที่สถานีขนส่ง จังหวัดเชียงใหม่ (อาเขต) เพื่อขึ้นรถสายเชียงใหม่ - ปาย แล้วลงรถตรงปากทางเข้าน้ำตกหมอกฟ้า จากนั้นเดินเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร หรือหากนำรถไปเอง ใช้เส้นทางสายเชียงใหม่-ฝาง (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 107) ถึงทางแยกบ้านแม่มาลัย อ.แม่แตง เลี้ยวซ้ายตามถนนสายแม่มาลัย-ปาย (ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1095) รวมระยะทางประมาณ 58 กิโลเมตร

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

น้ำตกแม่สา

(น้ำตก)

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

น้ำตกแม่สาไม่เพียงเป็นน้ำตกที่สวยงาม หากยังมีสายน้ำไหลชุ่มฉ่ำตลอดทั้งปี โดยน้ำตกแม่สานั้นเป็นน้ำตก 10 ชั้น แต่ละชั้นห่างกันประมาณ 100-500 เมตร และชั้นที่สวยที่สุดต้องยกให้น้ำตกชั้นที่ 5 ถึงชั้นที่ 7 ที่สามารถลงเล่นน้ำได้แต่ต้องใช้ความระมัดระวัง ว่ากันว่าน้ำตกแม่สาแห่งนี้ในช่วงปลายฤดูฝนจะมีความสวยงามที่สุด

ทั้งนี้ น้ำตกแต่ละชั้นนั้นมีชื่อเรียกแตกต่างกันดังนี้

·      น้ำตกแม่สาชั้นที่ 1 ชื่อ น้ำตกผาลาด

·      น้ำตกแม่สาชั้นที่ 2 ชื่อ น้ำตกวังยาว

·      น้ำตกแม่สาชั้นที่ 3 ชื่อ น้ำตกผาแตก

·      น้ำตกแม่สาชั้นที่ 4 ชื่อ น้ำตกวังสามหมื่น

·      น้ำตกแม่สาชั้นที่ 5 ชื่อ น้ำตกวังท้าวพรหมมา

·      น้ำตกแม่สาชั้นที่ 6 ชื่อ น้ำตกตาดเหมย

·      น้ำตกแม่สาชั้นที่ 7 ชื่อ น้ำตกพนารมย์

·      น้ำตกแม่สาชั้นที่ 8 ชื่อ น้ำตกผาเงิบ

·      น้ำตกแม่สาชั้นที่ 9 ชื่อ น้ำตกวัดห่าง

·      น้ำตกแม่สาชั้นที่ 10 ชื่อ น้ำตกลานเท

ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย โดยเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปตามถนนสายแม่ริม-สะเมิง ระยะทางประมาณ กิโลเมตร

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ม่อนแจ่ม

(ดอยและภูเขา)

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

จากพื้นที่ที่ชาวบ้านกันเรียกว่ากิ่วเสือซึ่งเป็นป่ารกร้างมานมนานและมีการแผ้วถางปลูกฝิ่น ได้แปรเปลี่ยนสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของเชียงใหม่ที่ทุกคนต้องเดินทางไปชื่นชม ความที่ม่อนแจ่มมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี งดงามด้วยหมอกขาวยามเช้า และมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์แห่งเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนไกลสุดสายตาราวกับภาพฝัน โดย

ยอดเขาทางทิศตะวันออกนั้นมีจุดชมวิวที่ชื่อว่า “ม่อนล่อง” ซึ่งเหมาะสำหรับชมทิวทัศน์ของพื้นที่โครงการหลวง และชมทะเลหมอกบนหน้าผาสูง  ส่วนทางด้านทิศใต้จะเป็นจุดชมวิวที่มองเห็นหมู่บ้านม้งหนองหอย และพื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอยโดยรอบ ซึ่งเป็นโครงการที่เน้นในการทำแปลงปลูกผักและวิจัยพืชเมืองหนาว เช่น อาร์ติโช๊ค สมุนไพรเลมอนทาร์ม มิ้น คาร์โมมายด์ โรสแมรี่ ส่วนไม้ผลนั้น เช่น พลัม องุ่นไร้เมล็ด สตรอว์เบอร์รี่พันธุ์ 80 แปลงผักไฮโดรโพนิกส์ ซึ่งเป็นการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน เช่น โอ้คลีฟแดง ผักตระกูลสลัด มะเขือเทศดอยคำ ฯลฯ

ฤดูท่องเที่ยว

ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับท่องเที่ยวคือ เดือนตุลาคม –กุมภาพันธ์ การเดินทางควรใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อเพราะเส้นทางขึ้นเป็นทางดินลูกรัง

สิ่งอำนวยความสะดวก

บนม่อนแจ่มมีร้านอาหาร เปิดบริการเวลา 09.00 - 19.00 น. (ช่วง เดือน ส.ค.-ก.ย.) และ 09.00 - 21.00 น. (ช่วงเดือน ต.ค.-ก.พ.) และมีที่พักในลักษณะแคมปิ้งและรีสอร์ทเปิดให้บริการ ราคา 700-2,000 บาท

ที่ตั้ง : ตั้งอยู่บนสันเขาบริเวณหมู่บ้านม้งหนองหอย อำเภอแม่ริม อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่โดยใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 40 นาที สอบถามเพิ่มเติมและจองที่พักได้ที่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์โครงการหลวงติดต่อคุณนก หรือ คุณอัน โทร.08 1806 39930 5381 0765 ต่อ 108 เว็บไซต์ www.thairoyalprojecttour.com

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 

วัดพระธาตุดอยคำ

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

วัดนี้เป็นอีกวัดหนึ่งที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1,300 ปีซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพระนางจามเทวีกษัตริย์แห่งหริภุญชัย ในปี พ.ศ.1230 เดิมวัดนี้ชื่อวัดสุวรรณบรรพตที่ชาวบ้านเรียกว่า "วัดดอยคำ" ในอดีตวัดดอยคำเป็นวัดร้าง ต่อมาเกิดเหตุการณ์กรุแตก ได้มีการค้นพบโบราณวัตถุหลายชิ้น เช่น พระรอดหลวง พระหินทรายปิดทององค์ใหญ่ พระสามหมอ (เนื้อดิน) ซึ่งนำมาประดิษฐานไว้ที่นี่ ผู้คนจึงหลั่งไหลเข้ามาสักการะวัดนี้กันมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีตำนานกล่าวว่า ด้านทิศตะวันตกของเทือกเขาถนนธงชัย เป็นที่ประดิษฐานขององค์พระเจดีย์สำคัญและเก่าแก่ คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ถึง 2 องค์ด้วยกัน และแต่ละแห่งถูกสถาปนาขึ้นโดยพระมหากษัตริย์ในสมัยหริภุญชัย และล้านนาตามลำดับ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือพระธาตุดอยคำที่อยู่บนยอดเขาเล็ก ๆ สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 200 เมตร โดยอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของตัวเมืองเชียงใหม่ โดยในปี พ.ศ.1230 เจ้ามหันตยศและเจ้าอนันตยศ พระโอรสแฝดทั้งสองพระองค์ของพระนางจามเทวีแห่งหริภุญชัยนคร ได้ขึ้นมาก่อเจดีย์ครอบพระสถูปเกศา ตามตำนานที่เล่าว่าเทวดาได้นำพระเกศาธาตุที่พระพุทธเจ้าได้ประทานแก่ปู่แสะและย่าแสะอันเป็นยักษ์สองตนที่อาศัยอยู่บนดอยคำนั่นเอง นอกจากนี้ พระธาตุดอยคำยังถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ทางสายตาก่อนนำเครื่องบินลงจอด ที่สนามบินเชียงใหม่ของการบินไทยอีกด้วย

ที่ตั้ง : ตั้งอยู่บริเวณดอยคำ ด้านหลังอุทยานหลวงราชพฤกษ์ห่างจากตัวเมืองประมาณ 10 กิโลเมตร

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

วัดพระธาตุดอยสุเทพ

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

เป็นวัดที่มีความสำคัญมากที่สุดในเชียงใหม่ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อต้นพุทธศตวรรษที่ 19 ในสมัยพระเจ้ากือนาธรรมิกราช เจ้าหลวงเมืองเชียงใหม่องค์ที่ 6 เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่ได้ทรงอัญเชิญมาจากเมืองศรีสัชนาลัย วัดพระธาตุดอยสุเทพนั้นถือเป็นพระอารามหลวง ชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่บนยอดดอยที่สูงจากระดับ น้ำทะเลปานกลาง 1,053 เมตร ดอยสุเทพ โดยแต่เดิมนั้นเป็นที่อยู่อาศัยของฤๅษีผู้มีนามว่า สุเทวะ เป็นภาษาบาลี มีความหมายว่า เทพเจ้าที่ดี ซึ่งตรงกับความหมายของคำว่า สุเทพ นั่นเอง ความโดดเด่นของวัดพระธาตุดอยสุเทพ เริ่มตั้งแต่ทางขึ้นพระธาตุซึ่งเป็นบันไดนาคเจ็ดเศียรก่อปูน และเมื่อเดินเข้าไปภายในวัด จะพบเจดีย์ทรงเชียงแสน ฐานสูงย่อมุมระฆังทรงแปดเหลี่ยมปิดด้วยทองจังโก 2 ชั้น ซึ่งก่อสร้างตามแบบศิลปะล้านนา อีกทั้งในบริเวณวัดยังเป็นจุดชมวิวเมืองเชียงใหม่ได้อย่างชัดเจนอีกแห่งหนึ่งด้วย นอกจากนี้ ที่วัดพระธาตุดอยสุเทพยังมีการจัดงานประเพณีเตียวขึ้นดอย เพื่อสักการะพระบรมสารีริกธาตุขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมีขึ้นก่อนหน้าวันวิสาขบูชา 1 คืน ในงานจะมีขบวนแห่น้ำสำหรับสรงพระธาตุโดยมีพระสงฆ์ สามเณร และพุทธศาสนิกชนจากชุมชนต่างๆ มาร่วมขบวนกันอย่างเนืองแน่น

ที่ตั้ง : อยู่ในเขตตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยตั้งอยู่บนยอดดอยสุเทพห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 14 กิโลเมตร

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

วัดเชียงมั่น

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

ที่นี่คือวัดที่เก่าแก่ที่สุดในตัวเมืองเชียงใหม่เนื่องจากมีมาตั้งแต่สมัยแรกสร้างเมือง เมื่อ พ.ศ.1839 โดยพญามังราย ได้ทรงยกพระตำหนักเชียงมั่นถวายเป็นพระอารามให้ชื่อว่า วัดเชียงมั่น และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเจดีย์ช้างล้อม บริเวณพื้นที่หอประทับของพระองค์ โดยภายในวัดนั้นมีสิ่งที่นักท่องเที่ยวควรเยี่ยมชมมากมาย

น่าชม

·      วิหารใหญ่ที่สร้างในสมัยปัจจุบัน ซึ่งระหว่างช่องหน้าต่างของวิหารหลังนี้มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง เขียนสีทองบนพื้นแดงงามวิจิตร โดยบอกเล่าเรื่องราวการสร้างเมืองและวัดของพญามังราย ทั้งเวียงกุมกาม และเมืองเชียงใหม่

·      วิหารเล็ก หรือ วิหารจตุรมุข เป็นวิหารเดิมของวัด ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ ของเชียงใหม่ ได้แก่ พระเสตังคมณี หรือ พระแก้วขาว และพระศิลา ปางทรมานช้างนาฬาคีรี โดยพระแก้วขาวนั้นเป็นพระพุทธรูปประจำพระองค์ของพระนางจามเทวีแห่งแคว้นหริภุญชัย และเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนชาวเชียงใหม่ ส่วนพระอุโบสถมีความสำคัญต่อชาวเชียงใหม่ เป็นอย่างยิ่ง เพราะในโถงด้านหน้ามีศิลาจารึกวัดเชียงมั่น บันทึกเรื่องราวการสร้างเมืองเชียงใหม่ และประวัติของวัดแห่งนี้ ตลอดจนการทำนุบำรุงวัดโดยพระราชวงศ์

·      เจดีย์ช้างล้อม เป็นเจดีย์ประธาน สร้างตามแบบศิลปะล้านนา ตั้งอยู่ด้านหลังพระวิหารใหญ่ ฐานเจดีย์ประดับด้วยช้างปูนปั้น จำนวน 16 เชือก ได้รับอิทธิพลจากศิลปะสุโขทัย ด้านหน้ามีบันไดทางขึ้นสู่ซุ้มเรือนธาตุ ราวบันไดประดับด้วยนาคปูนปั้น ส่วนเรือนยอดเป็นเจดีย์ทรงระฆังสีทองอร่าม

·      หอไตรกลางน้ำสำหรับเก็บรักษาพระไตรปิฎกและคัมภีร์ต่างๆ ตามคติการสร้างและภูมิปัญญาล้านนา

ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ที่ถนนราชภาคินัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

 -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่

(โรงละคร)

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

ร่วมซาบซึ้งในศิลปวัฒนธรรมของล้านนาที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีภายในศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ ที่สร้างขึ้นเป็นหมู่เรือนไทยไม้สักที่มีบานประตูหน้าต่างประดับด้วยไม้แกะสลักอย่างสวยงาม ภายในบริเวณศูนย์มีกิจกรรมไว้รองรับนักท่องเที่ยวมากมาย อาทิเช่น

·      จับจ่ายสินค้าที่ระลึกจากร้านค้ามากมายภายในนั้น

·      ชมหมู่บ้านชาวเขาที่เต็มไปด้วยสีสัน

·      สนุกไปกับพิพิธภัณฑ์ผ้าโบราณ "สบันงา"  ซึ่งมีการรวบรวมภาพถ่ายจำนวนกว่า 60 ภาพ สะท้อนถึงสภาพบ้านเมือง ประเพณีวัฒนธรรม การแต่งกาย การดำรงชีวิตของชนชาวเหนือ เมื่อเกือบร้อยปีก่อน นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงผ้าทอเก่าแก่กว่า 6,000 ผืน และมีการนำเสนอเรื่องราวของกลุ่มชนต่างๆ อีกด้วย โดยจะมีเจ้าหน้าที่พาชมและบรรยายเกี่ยวกับ ประวัติความเป็นมาและเอกลักษณ์ผ้าทอของแต่ละกลุ่มชน

·      อิ่มอร่อยกับอาหารเย็นแบบ “ขันโตก” ในตอนกลางคืน โดยแต่ละชุดจะประกอบไปด้วยอาหารพื้นเมือง ของทางภาคเหนือชาวล้านนา เช่น น้ำพริกอ่องทานกับแคบหมู น้ำพริกหนุ่ม แกงฮังเล หมี่กรอบและอาหารอื่นๆ อีกกว่า 8 ชนิด

·      ชมการแสดงโชว์เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมของชาวล้านนาในสมัยก่อน ซึ่งหาชมได้ยาก รวมทั้งการแสดงของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง ม้ง (แม้ว) อีก้อ มูเซอ เย้า และลีซอ โดยจะมีการแสดงทุกวัน ตั้งแต่เวลา 19.00-22.00 น.

ที่ตั้ง : ตั้งอยู่บนถนนสายเชียงใหม่-หางดง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 5327 4540, 0 5327 5097

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สถานีวนวัฒนวิจัยบ่อแก้ว (สวนสนบ่อแก้ว)

(สวนเพื่อการศึกษา)

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

สถานีวนวัฒนวิจัยบ่อแก้วหรือที่คนนิยมเรียกกันว่าสวนสนบ่อแก้วนั้น เป็นส่วนหนึ่งของโครงการสำรวจวัตถุดิบ เพื่อทำเยื่อกระดาษ ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 2,072 ไร่ โดยภายในสถานีคุณจะพบแปลงทดลองปลูกพืชจำพวกสน และยูคาลิปตัสจำนวนมาก งดงามด้วยทิวสนที่ปลูกเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบราวกับฉากในภาพยนตร์รักโรแมนติก นอกจากวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแล้ว ภูมิอากาศของที่นี่ยังชื้นและเย็นสบายตลอดปี โดยอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุด 27.3 องศาเซลเซียส และอุณหภมิเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่ 16.8 องศาเซลเซียส ทำให้ในช่วงฤดูหนาวจึงมีนักท่องเที่ยวเดินทาง มาพักผ่อนหย่อนใจและถ่ายรูปกันมากมาย นอกจากนี้ สวนสนบ่อแก้วยังเป็นที่ทดลองปลูกสนภูเขาชนิดต่างๆ ที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ นำพันธุ์มาจากต่างประเทศเช่น ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ ไต้หวัน เพื่อทดลองหาพันธุ์ที่เหมาะสมมาเป็นไม้เบิกนำสำหรับปลูกบนป่าเสื่อมโทรมบนดอยทางภาคเหนือ ทั้งนี้ ต้นสนที่นำมาปลูกนั้นมีอายุกว่า 30 ปี ส่วนมากเป็นสนสามใบซึ่งขึ้นอยู่ในที่สูงกว่า 500 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง

ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ริมเส้นทางสายฮอด-แม่สะเรียง กิโลเมตรที่ 36-37 อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ หากเดินทางด้วยรถยนต์ ใช้เส้นทางถนนสายเชียงใหม่-แม่สะเรียง หรือเส้น 108 ไปทางอำเภอฮอด ผ่านอุทยานแห่งชาติออบหลวง เมื่อถึงวงเวียนหอนาฬิกาก็เลี้ยวซ้าย อำเภอแม่สะเรียงตรงไปประมาณ 30 กิโลเมตร ก็จะถึงสวนสนบ่อแก้ว ซึ่งจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำภาคเหนือ

(สวนสัตว์ และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ)

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

เป็นสถานที่ที่รวบรวมและจัดแสดงสายพันธุ์ปลาหลากหลายสายพันธุ์ที่พบทั่วทั้งภาคเหนือและทั่วประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีปลาที่เพิ่งถูกค้นพบใหม่ล่าสุด หรือแม้กระทั่งชนิดที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในโลกวิทยาศาสตร์ ก็มีการนำมาจัดแสดงไว้ที่นี่เพียงแห่งเดียวอีกด้วย อาทิเช่น ปลาซิวใบไผ่แม่แตง ปลาหมูอารีย์ ปลาหมูน่าน ปลาบู้น้ำตกเขียงใหม่ ปลาค้อแม่โจ้ เป็นต้น นับเป็นแหล่งศึกษาหาความรู้สำหรับผู้สนใจในด้านชีวิตสัตว์น้ำมีคุณภาพ อีกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว

ที่ตั้ง : คณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรทางน้ำ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ สอบถามเพิ่มเติม โทร.0 5349 8178

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์

(สวนและสวนสาธารณะ)

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2536 มีพื้นที่ประมาณ 6,500 ไร่ เดิมทีมีชื่อว่า “สวนพฤกษศาสตร์แม่สา” ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้เป็นสวนพฤกษศาสตร์ประจำภาคเหนือของประเทศไทย แต่หลังจากนั้นได้โอนย้ายเข้าไป อยู่ในความดูแลขององค์การสวนพฤกษศาสตร์ พร้อมกับวางแผนและพัฒนาให้เป็นสวนพฤกษศาสตร์ระดับสากล แห่งแรกของประเทศ ซึ่งในปี พ.ศ.2537 องค์การสวนพฤกษศาสตร์ได้รับพระราชทานพระราชานุญาต จากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ให้ใช้ชื่อสวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ว่า "สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์" ที่นี่มีสภาพโดยทั่วไปเป็นที่ราบและที่สูงสลับกันเป็นชั้นๆ ในระดับ 300-970 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ลักษณะการจัดสวนจะแบ่งพันธุ์ไม้ตามวงศ์และความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ รวบรวมพันธุ์ไม้ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาเกี่ยวกับพันธุ์ไม้นานาชนิดได้เข้าไป ศึกษาหาความรู้

น่าชม

·      ศูนย์สารนิเทศเป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการพรรณไม้ไทย โดยเป็นนิทรรศการด้านพฤกษศาสตร์ และมีหนังสือเกี่ยวกับพรรณไม้ที่สวนพฤกษศาสตร์จัดทำขึ้นจำหน่ายอีกด้วย

·      กลุ่มอาคารเรือนกระจก อาคารเรือนกระจกขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนลานเนินเขาที่สวยงาม ภายในอาคารใหญ่รวบรวมพรรณไม้ในเขตป่าดงดิบจากทุกภูมิภาคของทวีปเอเชีย โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการควบคุมระดับความชื้นสัมพัทธ์ด้วยการฉีดละอองน้ำในเรือนกระจก รวมทั้งมีน้ำตกจำลองด้วย ซึ่งจัดแต่งสภาพเหมือนกับเข้าไปอยู่ในป่าจริงๆ นอกจากนี้อาคารเรือนกระจกอื่นๆ ก็มีพรรณไม้ที่น่าสนใจ เช่น พืชทะเลทราย พรรณไม้น้ำ เฟิร์น กล้วยไม้ เป็นต้น

·      เรือนกล้วยไม้ไทยในเรือนนี้ได้รวบรวมพันธุ์กล้วยไม้กว่า 350 ชนิด ซึ่งเป็นกล้วยไม้ป่าที่มีสีสันสวยงาม หลายชนิดมีกลิ่นหอม ส่วนใหญ่ทยอยออกดอกตลอดปี โดยรวบรวมมาจากป่าดงดิบ ป่าเต็งรัง ซึ่งบางพันธุ์หาดูได้ยากและบางชนิดใกล้สูญพันธุ์

·      เส้นทางศึกษาธรรมชาติที่จัดไว้ 4 เส้นทาง คือ

o   เส้นทางน้ำตกแม่สาน้อย-สวนหิน-เรือนรวมพันธุ์กล้วยไม้ไทย (Waterfall Trail) ระยะทาง 300 เมตร

o   เส้นทางสวนรุกชาติ (Arboretum Trail) ระยะทาง 600 เมตร

o   เส้นทางวลัยชาติ (Climber Trail) ระยะทาง 2 กิโลเมตร

o   เส้นทางพันธุ์ไม้ประจำจังหวัด ระยะทาง 800 เมตร

ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณชายเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ทางเข้าอยู่ด้านซ้ายมือบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 12 สายแม่ริม-สะเมิง เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.30-17.00 น. ค่าธรรมเนียม ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท มีรถบริการนำชมภายในสวน ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 สอบถามเพิ่มเติม โทร.0 5384 1234

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สวนสตรอเบอร์รี่ในเชียงใหม่

(สวนและสวนสาธารณะ)

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

เพราะสตรอว์เบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มากับความหนาวเย็น เพราะฉะนั้นเมื่อลมหนาวมาเยือน เชียงใหม่จึงมากมายไปด้วย สตรอว์เบอร์รี่ที่ถูกนำมาจำหน่ายให้นักท่องเที่ยว และกลายเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของเชียงใหม่ที่ทุกคนต้องได้ชิม รวมทั้งเดินทางไปชมไร่สตรอว์เบอร์รี่กันถึงแหล่ง โดยเฉพาะบริเวณทางขึ้นดอยอ่างขางและอำเภอสะเมิงนั้น ถือเป็นแหล่งปลูกสตรอว์เบอร์รี่แหล่งใหญ่ของเชียงใหม่เลยทีเดียว โดยไร่สตรอว์เบอร์รี่ที่มีความน่าสนใจนั้น ได้แก่

·      ไร่สตรอเบอร์รีวงศ์วาน ตั้งอยู่กลางหุบเขาอำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ที่นี่จะปลูกสตรอว์เบอร์รี่แบบชีวภาพปลอดสาร จึงทำให้ทางไร่สตรอว์เบอร์รี่วงศ์วานได้ผลใหญ่ สวย สด และปลอดภัยจากสารพิษ และคุณสามารถลงมือเก็บผลสตรอว์เบอร์รี่รับประทานกันแบบสดๆ ได้เลย อีกทั้งภายในไร่ยังมีร้านอาหารสบายๆ สไตล์ธรรมชาติไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว ได้เพลิดเพลินไปกับการชิมไวน์ รวมถึงการได้รับความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการปลูกสตรอว์เบอร์รี่และการผลิตไวน์ไปพร้อมๆ กัน

·      สวนดอยแก้ว เป็นสวนสตรอว์เบอร์รี่อินทรีย์ 100% โดยเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการเกษตรโดยปราชญ์ชาวบ้าน นายวิทยา นาระต๊ะ เกษตรกรผู้ทำสวนสตรอว์เบอร์รี่บนเนื้อที่ 20 กว่าไร่ เขาพยายามปลูกสตรอว์เบอร์รี่แบบปลอดสาร จนประสบความสำเร็จ แล้วนำไปเผยแพร่และถ่ายทอด แนวคิดการทำเกษตรให้แก่ผู้อื่น จนเป็นที่ศึกษาดูงานของเกษตรและประชาชนทั่วไป ทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด ที่นี่ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเก็บสตรอว์เบอร์รี่เองได้  ซึ่งมีหลากหลายสายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์พระราชทาน 60 72 และ 80 ที่มีรสชาติหอมหวานกว่าพันธุ์ 329 ทั้งยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสตรอว์เบอร์รี่ต่างๆ ให้เลือกซื้อ เช่น ไวน์สตรอว์เบอร์รี่ แยมเนื้อสตรอว์เบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่อบแห้ง ฯลฯ และนอกจากสตรอว์เบอร์รี่แล้ว ที่นี่ยังมีองุ่นไร้เมล็ดจำหน่ายอีกด้วย

·      ไร่สตรอว์เบอร์รี่บนดอยอ่างขาง ซึ่งเป็นของสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง โดยนักท่องเที่ยวสามารถเก็บผลสตรอว์เบอร์รี่ติดไม้ติดมือเป็นของฝากกลับบ้านได้ (คิดราคาตามน้ำหนัก) ทั้งนี้ สตรอว์เบอร์รี่ที่ปลูก คือ พันธุ์พระราชทาน 80

·      สวนภูชิต ที่นี่นอกจากจะมีเก็บสตรอว์เบอร์รี่อินทรีย์ผลสีแดงสดแล้ว ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก คอยรองรับนักท่องเที่ยวที่เข้าไปชมสวน ได้แก่ ลานจอดรถยนต์ ห้องน้ำ ห้องพักผ่อน ร้านจำหน่ายกาแฟและเครื่องดื่ม อีกทั้งยังมีผลไม้สดอย่างสตรอว์เบอร์รี่และส้ม รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปจำหน่ายมากมาย

ที่ตั้ง : ดอยอ่างขางและอำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 
 

สวนสัตว์เชียงใหม่

(สวนสัตว์ และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ)

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ย

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง 

วันนี้ทุกคนรู้จักช่วงช่วงกับหลินฮุ่ย คู่หมีแพนด้าที่เป็นดังทูตสันถวไมตรีเชื่อมความสัมพันธ์ไทย-จีน ที่อยู่ในสวนสัตว์เชียงใหม่แห่งนี้ และเป็นเหมือนแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมความน่ารักของแพนด้า คู่นี้กันอย่างเนืองแน่น นอกจากแพนด้าแล้ว คุณจะได้ชมหมีโคอาล่าจากออสเตรเลียที่สวนสัตว์แห่งนี้ด้วยเช่นกัน สวนสัตว์เชียงใหม่นั้นจัดเป็นสวนสัตว์ขนาดใหญ่ และแบ่งพื้นที่ออกเป็นหลายโซนด้วยกัน พร้อมกับมีการจัดกิจกรรมหลากหลายเพื่อเพิ่มความสนุกสนานให้กับผู้ที่เดินทางมาเยี่ยมชม 

น่าชม 

·      ชมความน่าตื่นตาตื่นใจในชีวิตสัตว์น้ำที่ เชียงใหม่ ซู อควาเรียม ศูนย์แสดงสัตว์น้ำที่มีอุโมงค์ยาว 133 เมตร 

·      สวนนกเพนกวินและสวนนกฟิ้นช์ ซึ่งเป็นนกขนาดเล็กและมีสีสันสวยงามจนได้รับการขนานนามว่าเป็น อัญมณีบินได้ 

·      สวนชมนกนครพิงค์ เป็นกรงนกขนาดใหญ่บนพื้นที่ 6 ไร่ ซึ่งเป็นสวนนกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสและเรียนรู้เรื่องราวทางธรรมชาติของนกกว่า 132 ชนิด จากทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางธรรมชาติที่ร่มรื่นของน้ำตกกู่ขาว

·      Zoo kids Zone สวนสัตว์เด็กในสวนสัตว์เชียงใหม่ ซึ่งจัดแสดงที่รวบรวมสัตว์ที่น่ารักหลากหลายชนิดให้เด็กๆ ได้ศึกษาเรียนรู้ อีกทั้งยังมีกิจกรรมที่สนุกสนาน รอให้เด็กๆ เข้ามาสัมผัสและร่วมกิจกรรม กับทางสวนสัตว์เชียงใหม่ ทั้งนี้ ที่นี่ได้มีการปรับปรุงและพัฒนาจากเดิมในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นอาคารสถานที่ เครื่องเล่นต่างๆ การสื่อความรู้ และรวมถึงกิจกรรมที่ได้จัดเตรียมไว้

·      ทัวร์ชมสัตว์ป่ายามค่ำคืน Twilight Zooโดยรถยนต์นำชมพฤติกรรมสัตว์ต่าง ๆ ที่ออกหากินยามกลางคืน พร้อมวิทยากรบรรยายให้ความรู้ ตั้งแต่เวลา 18.30-21.00 น.

ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ที่ถนนห้วยแก้ว ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ กิโลเมตร ใกล้กับสวนรุกขชาติ สอบถามเพิ่มเติม โทร.0 5321 0374, 0 5322 1179, 0 5322 2283 หรือ www.chiangmaizoo.com  ที่นี่มีรถไฟฟ้ารางเดี่ยวพร้อมระบบปรับอากาศ บริการรับผู้โดยสารได้ครั้งละ 50-70 คน/ เที่ยว ระยะทางวิ่ง กิโลเมตร จอดรับส่งผู้โดยสาร สถานี วันจันทร์ถึงวันศุกร์  เปิดเวลา 10.00-16.00 น. เวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดเวลา 09.00-16.30 น. อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 290 บาท เด็ก 190 บาท

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

อุทยานหลวงราชพฤกษ์

(สวนและสวนสาธารณะ)

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

อุทยานหลวงราชพฤกษ์จัดสร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 พรรษา ในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2549 และทรงเจริญพระชนมายุครบ 80 พรรษาในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2550 เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรขึ้นชื่อของจังหวัดเชียงใหม่ ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้พืชสวนโลก ที่มีการจัดแสดงพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด การจัดแสดงนิทรรศการด้านการเกษตรและอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นแหล่งพบปะ แลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันในกลุ่มเกษตรกร โดยภายในบริเวณอุทยานหลวงราชพฤกษ์แห่งนี้มีการจัดภูมิสถาปัตย์ อย่างสวยงาม โดดเด่นด้วยหอคำหลวง อันเป็นอาคารสถาปัตยกรรมล้านนาที่สวยงาม และแบ่งพื้นที่เป็นส่วนต่งๆ ในการจัดแสดงพันธุ์ไม้ได้อย่างเป็นสัดส่วน  โดยตั้งแต่บริเวณประตูทางเข้า จะพบต้นสนดึกดำบรรพ์อายุกว่า 250 ล้านปีทำหน้าที่ต้อนรับนักท่องเที่ยว และเมื่อเข้าไปภายใน คุณจะได้ชื่นชมสวนประเภทต่างๆ ได้แก่ สวนไทย เป็นพื้นที่จัดแสดงพืชสวนเขตร้อน และสวนที่อยู่ภายในกลุ่มอาคารเรือนกระจก เช่น อาคารพืชทะเลทราย สวนสมุนไพร เรือนไทยสี่ภาค เรือนเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เป็นต้น นอกจากนี้ ทางอุทยานราชพฤกษ์จะเปิดอาคารหอประวัติพืชสวนไทย ให้นักท่องเที่ยวได้ชมสีสันแห่งพรรณไม้เมืองหนาว รวมทั้งการจัดเทศกาลไม้งามต่างๆ เช่น เทศกาลดอกไม้บาน ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ และเทศกาลชมสวน ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์

ที่ตั้ง : ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 09.00 - 18.00 น. ค่าเข้าชมคนไทย ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 25 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท ภายในมีรถรางบริการ ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท รถกอล์ฟชั่วโมงละ 60 บาท และรถจักรยานชั่วโมงละ 20 บาท

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย 

(อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า)

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว

อุทยานฯ แห่งนี้ ครอบคลุมท้องที่อำเภอแม่ริม อำเภอหางดง และอำเภอเมือง โดยมีพื้นที่ประมาณ 262.50 ตารางกิโลเมตร หรือ 163,162.50 ไร่ ซึ่งประกอบด้วยป่าที่อุดมสมบูรณ์ ภูเขาที่สูงสลับซับซ้อน และดอยที่สำคัญได้แก่ ดอยสุเทพ ดอยบวกห้า และดอยปุย อันเป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธาร ทั้งมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญทางศาสนา และทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจหลายแห่ง 

ไฮไลท์แห่งอุทยานฯ 

·      ชมธรรมชาติบริสุทธิ์ที่ น้ำตกห้วยแก้ว น้ำตกเล็กๆ สูงประมาณ 10 เมตร ซึ่งมีน้ำไหลตลอดปี พื้นที่โดยรอบน้ำตกมีบรรยากาศร่มรื่น ทิวทัศน์งดงาม และการเดินป่าศึกษาธรรมชาติในเส้นทางน้ำตกห้วยแก้ว วังบัวบาน และผาเงิบนั้น คุณจะได้ชมนกนานาชนิด เช่น นกกะรางหัวหงอก นกแซงแซวหางปลา นกเขาเขียว เป็นต้น 

·      ดื่มด่ำความงดงามของพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ อันเป็นพระตำหนักประทับแปรพระราชฐาน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งตั้งอยู่บนดอยบวกห้า มีระยะทางเพียง 4 กิโลเมตรจากวัดพระธาตุดอยสุเทพ นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมโดยรอบตำหนัก และบริเวณภายนอก ซึ่งเต็มไปด้วยดอกกุหลาบ เฟิร์น และไม้นานาพรรณสีสันแปลกตา โดยปกติแล้วจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมเฉพาะวันศุกร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ ทั้งนี้จะต้องเป็นช่วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มิได้เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ และจะปิดในช่วงเวลาตั้งแต่ประมาณกลางเดือนธันวาคม-ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 

·      สักการะพระธาตุดอยสุเทพ พระธาตุประจำปีมะแม ที่วัดพระบรมธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร  

·      ชมวิถีชีวิตแห่งหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง (แม้ว) ดอยปุย เรียนรู้เรื่องราวของพวกเขาที่พิพิธภัณฑ์ม้ง ท่ามกลางบ้านเรือนและสวนดอกไม้สวยงาม พร้อมแต่งชุดชาวเขาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก นอกจากนี้ยังมีงานศิลปหัตถกรรมของชาวเขาหลากหลายรูปแบบให้เลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากได้อีกด้วย 

ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก 

อุทยานมีบริการบ้านพักและร้านอาหารให้บริการ 

ที่ตั้ง : ถนนห้วยแก้ว ตำบลสุเทพ  อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ สอบถามเพิ่มเติม โทร.0 5329 5041 ตลอด 24 ชั่วโมง และ 0 5321 0244 ระหว่าง 08.00-17.00 น.

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

#ขอบคุณข้อมูลและภาพทั้งหมดจาก เว็ปไซด์ ททท.

#เที่ยวกับAKสนุก,ประหยัด,คุ้มค่า,สะดวก,จริงใจ 

#ทำเรื่องเที่ยวให้เป็นเรื่องง่าย ใครก็เที่ยวได้เที่ยวกับเราสิคะAK

#AK  

 
       
 

 

โครงการพิเศษสำหรับสมาชิก

eae 04

     
 akm    AK HOTELS card RED OK
 A K Hotels Exclusive Club     AK Hotels Privilege Club

 eae 04

กระบี่

  กระบี่.......           นอกจากกระบี่จะเป็นเมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก (มาก) แล้ว...

เชียงใหม่

    ทริปนี้ ที่เชียงใหม่....ดินแดนแห่งขุนเขาและสายหมอก พื้นที่อุดมสมบูรณ์ ธรรมชาติที่สวยงาม "เชียงใหม่ ไนท์...

หัวหิน

  เลียบทะเลบ้านกรูด...ชมน้ำใสสะอาด...ท้องฟ้าสีคราม         หาดบ้านกรูด อยู่ในเขตบ้านกรูด ตำบลธงชัย...

พัทยา / ชลบุรี

      พัทยา มีมากกว่าทะเล 4 บรรยากาศ หลากสไตล์...

++ Hot !! Promotion ++

Duo Special

logologo akmtravel

HpvHex