แมฮองสอน  
    ... แม่ฮ่องสอน ....   
 

            จังหวัดแม่ฮ่องสอนตั้งอยู่ทางตอนบนของภาคเหนือ เป็นหนึ่งในหลายจังหวัดชายแดนด้านตะวันตกของไทย มีความโดดเด่นใน

 หลายลักษณะทั้งสภาพภูมิประเทศและความหลากหลายของประชากร จากหลายกลุ่มชาติพันธุ์ เป็นจังหวัดที่มีประชากรเบาบางที่สุดในประเทศ โดยมีประชากร น้อยมากเป็นอันดับ 3 ในขณะที่มีพื้นที่มากเป็นอันดับ 8ของประเทศแม่ฮ่องสอนได้ชื่อว่าเป็น “เมืองสามหมอก” เนื่องจากเป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน อากาศเย็นและมีหมอกปกคลุมตลอดทั้ง 3 ฤดูของปี มีป่าไม้หนาแน่น ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ทิวทัศน์สวยงาม มีความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม และมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจและเป็นที่นิยมทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทย

 
 

 ชาวต่างชาติมากมาย นับเป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญอีกจังหวัดหนึ่งของภูมิภาคและของประเทศสมัยก่อนกรุงรัตนโกสินทร์

เมืองแม่ฮ่องสอนเดิมเป็นชุมชนบ้านป่าไม่มีผู้ใดปกครอง มีชาวไทยใหญ่บางส่วนจากชายแดนประเทศสหภาพพม่าที่อพยพเข้ามาทำมาหากิน

ทำไร่ทำสวนเป็นบางฤดูกาล ความสำคัญของเมืองนี้ในสมัยนั้น เป็นเพียง ทางผ่านของกองทัพพม่า ที่เดินทัพไปยังกรุงศรีอยุธยา

หรือหัวเมืองฝ่ายเหนือของไทยในปี พ.ศ. 2433 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดให้รวมเมืองแม่ฮ่องสอนเมืองขุนยวม 

ที่เรียกว่า “บริเวณเชียงใหม่ตะวันตก” ตั้งที่ว่าการอยู่ที่เมืองขุนยวม แล้วย้ายไปตั้งที่เมืองยวมในปี พ.ศ. 2446 ต่อมาในปี พ.ศ. 2453

ก็เปลี่ยนชื่อ เขตอีกครั้งเป็น “บริเวณพายัพเหนือ” แล้วย้ายที่ว่าการไปตั้งที่เมืองแม่ฮ่องสอน และขึ้นตรงต่อข้าหลวงใหญ่มณฑลพายัพ

จนกระทั่งในรัชสมัยของ

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้ถูกยกฐานะขึ้นเป็น “จังหวัดแม่ฮ่องสอน” จนถึงปัจจุบัน

 
 

ทิปส์ท่องเที่ยว
>การเข้าพักหรือเที่ยวชมปางอุ๋ง ต้องติดต่อขอรับบัตรอนุญาตที่ศูนย์ศิลปาชีพ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในตัวเมืองก่อน

หากไม่มีบัตรอนุญาต จะไม่สามารถขึ้นไปยังปางอุ๋งได้

>เที่ยวปายในช่วงเทศกาล โดยเฉพาะในฤดูหนาว ควรจองที่พักก่อนล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ
>สำหรับผู้ที่เมารถง่าย หากเดินทางบนเส้นทางหมายเลข 1095 ควรเตรียมยาแก้เมารถไปด้วย
>สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ ควรเตรียมอุปกรณ์การถ่ายภาพ เมมโมรีการ์ด และแบตเตอรีไปให้พร้อมและพอเพียง

เพราะอาจหาซื้อได้ยาก

 
  ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ แผนที่ แม่ฮ่องสอน  
  แผนที่ แม่ฮ่องสอน  
  สถานที่ไม่ควรพลาดเมื่อท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอน  

 อนสาวรยพระยาสงหนาทราชา

อนุสาวรีย์พระยาสิงหนาทราชา

 

อนุสาวรีย์พระยาสิงหนาทราชาจึงเป็นอนุสาวรีย์ของเจ้าเมืององค์แรกของจังหวัดแม่ฮ่องสอน

สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงการที่พระองค์
ทรงเป็นผู้สร้างเมืองแม่ฮ่องสอน จนได้พัฒนาและเจริญอย่างต่อเนื่องมายังปัจจุบันและเพื่อเตือนใจให้ลูกหลานในจังหวัดให้ได้รำลึกถึงบุญคุณของพระองค์ตลอดจนใช้เป็นที่เคารพสักการะแก่ประชาชนทั่วไปบริเวณอนุสาวรีย์ถูกจัดและตกแต่งด้วยสวนอย่างสวยงาม และจากบริเวณอนุสาวรีย์พระยาสิงหนาทราชานี้ ถ้ามองตรงขึ้นไปจะเห็นองค์พระธาตุดอยกองมูอยู่บนยอดเขา

 

 วดพระธาตดอยกองม

วัดพระธาตุดอยกองมู

วัดพระธาตุดอยกองมู เป็นวัดศักดิ์สิทบ้านคู่เองของชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาช้านาน ตั้งอยู่บน ดอยกองมู ทาง ทิศตะวันตกของตัวเมืองแม่ฮ่องสอนเพียง 3 ก.ม.เดินทางโดยแยกจากทางหลวงสาย 108 ตรงบริเวณ อนุสาวรีย์พระยาสิงหนาทราชาขึ้นไปทางซ้ายมือ เป็นทางลาดยางขึ้นภูเขาไปอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร ก็จะถึง บริเวณวัด พระธาตุดอยกองมูเดิมมีชื่อเรียกว่า วัดปลายดอย ประกอบด้วยพระธาตุเจดีย์ที่สวยงาม 2 องค์ พระเจดีย์องค์ใหญ่สร้างโดย จองต่องสู่ เมื่อ พ.ศ. 2403เป็นที่บรรจุพระธาตุของพระโมคคัลลานะเถระ ซึ่งนำมา จากประเทศพม่า ส่วนพระธาตุเจดีย์องค์เล็กสร้างเมื่อ พ.ศ. 2417 โดย พระยาสิงหนาทราชา เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอน คนแรก จากวัดพระธาตุ ดอยกองมูนี้สามารถมองเห็นภูมิประเทศและสภาพตัวเมืองแม่ฮ่องสอนได้อย่างชัดเจน และสวยงามมากวัดนี้มีงานเทศกาลประจำปีหลายงาน เช่น ในวันปีใหม่ วันสงกรานต์ โดยเฉพาะในวันออกพรรษา จะมีการตักบาตรดาวดึงส์

วดหวเวยง

วัดหัวเวียง

 

วัดหัวเวียงตั้งอยู่ใจกลางเมืองแม่ฮ่องสอนมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบไทใหญ่ ในวัดเป็นที่ประดิษฐานพระมหามุนี หรือเจ้าพลาละแข่งที่หล่อจำลอง จากเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า มาประดิษฐานที่วัดหัวเวียงโดยลุงจองโพหย่า และลุงจองหวุ่นนะ เดินทางไปนิมนต์มาพระเจ้าพลาละแข่งองค์นี้หล่อเป็นท่อนๆทั้งหมด 9 ท่อน บรรทุกเรือมาตามแม่น้ำปาย แล้วมาประกอบที่วัดพระนอนนำมาประดิษฐานที่วัดหัวเวียงชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าพระเจ้าพลาละแข่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง
สิ่งสำคัญของวัดหัวเวียง พระพุทธรูป 5 องค์ เป็นพระพุทธรูปโบราณ องค์ใหญ่อยู่ตรงกลางหันพระพักตร์อยู่ทางทิศตะวันออก สร้างเมื่อ พ.ศ. 2406 องค์รองลงมาอยู่ด้านหน้าขององค์ใหญ่หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออกส่วนองค์เล็กอีก 3 องค์สร้างเรียงไว้ทางทิศเหนือ จำนวน 2 องค์สร้างไว้ทางทิศใต้หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ 1 องค์

วดจองคำ

วัดจองคำ

วัดจองคำและวัดจองกลางเปรียบเสมือนวัดแฝด ด้วยตั้งอยู่ในกำแพงเดียวกัน เมื่อมองจากด้านหน้า วัดจองคำ จะอยู่ด้านซ้ายมือ ส่วนวัดจองกลางจะอยู่ทางขวามือ วัดจองคำและวัดจองกลางตั้งอยู่กลางเมืองแม่ฮ่องสอน และ เป็นเสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของเมืองไทใหญ่แห่งนี้ เพราะนอกจากความงดงามทางศิลปะแล้ว วัดทั้งสอง ยังเป็น ศูนย์กลางของกิจกรรมทางวัฒนธรรม และประเพณีของชาวแม่ฮ่องสอน พื้นที่ด้านหน้าของวัดซึ่งเป็น สวนสาธารณะหนองจองคำยังเอื้อให้ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีตามประเพณีต่าง ๆ ในรอบปีอีกด้วย

วดจองกลาง

วัดจองกลาง

วัดจองกลาง เรียกชื่อตามสถานที่ตั้งอยู่ระหว่างวัดจองคำ และวัดจองใหม่ (โรงเรียนพระปริยัติธรรม)เดิมเป็นศาลาที่พักคนมาจำศีลในวันพระ วัดจองกลางหลังนี้ ซึ่งผู้เฒ่าผู้แก่เครือญาติพี่น้องที่ยังมีชีวิตอยู่ได้เล่าต่อๆกันมาว่า เดิมเป็นศาลาเย็นของวัดจองใหม่มีผู้คนท้องถิ่นมาพักอาศัยอยู่เป็นประจำ เมื่อเจ้าอาวาสวัดจองใหม่องค์สุดท้ายได้มรณภาพไป มีพระภิกษุจากเมืองหมอกใหม่มาร่วมงานศพเจ้าอาวาสวัดจองใหม่ และเข้ามาพักอาศัยในศาลาเย็นดังกล่าว คณะศรัทธาเคารพนับถือพระภิกษุองค์นี้เป็นอย่างมาก จึงพร้อมใจกันนิมนต์ท่านมาประจำศาลาต่อไป ต่อมาในปี พ.ศ. 2410 มีศรัทธาคือ ลุงจองจายหล่อ , ลุงพหะจ่า , ลุงจองตุ๊ก, และพ่อเลี้ยงจางนุ (ขุนเพียร) , ลุงจองจ่อ ได้ร่วมกันสร้างวัด หลังคามุงด้วยสังกะสีฉลุลวดลาย แบบสถาปัตยกรรม โดยช่างฝีมือชาวไทใหญ่ โดยเฉพาะห้องทางด้านหลังทิศตะวันออก ตามฝาผนังประดับภาพรวม 180 ภาพ โดยมีช่างฝีมือช่างพม่า สิ่งสำคัญภายในวัด ประกอบด้วย เจดีย์วิหารเล็กด้านหน้าศาลาการเปรียญติดหนองจองคำจัดเป็นเจดีย์ที่มีความสวยงาม โดดเด่นสันนิษฐานว่าสร้างพร้อมกับการสร้างวัดจองกลางวิหารเล็ก

บอนำรอนผาบอง

บ่อน้ำร้อนผาบ่อง

บ่อน้ำร้อนผาบ่อง เป็นแหล่งท่องเที่ยวประเภทน้ำพุร้อนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของแม่ฮ่องสอน ตั้งอยู่ที่บ้านผาบ่อง ตำบลผาบ่อง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 10 กิโลเมตร หากคุณมีความฝันอยากจะไป “ออนเซ็น” สักครั้งในชีวิต บ่อน้ำร้อนผาบ่องก็ถือเป็นสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาดถ้าได้มาเยือนแม่ฮ่องสอน เพราะน้ำแร่ที่นี่มีอุณหภูมิความร้อนกำลังดี ภูมิทัศน์โดยรอบสวยงาม แถมยังอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง ทั้งนี้ การอาบหรือแช่น้ำร้อนจากธรรมชาตินั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีคุณประโยชน์ต่างๆ มากหลาย เป็นต้นว่า ช่วยให้เลือดในร่างกายไหลเวียนดี ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสเต่งตึง ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยตามตัว และยังช่วยบำบัดโรคข้อและโรคกระดูกได้อีกด้วย

อทยานแหงชาตถำปลา-ผาเสอ

อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-ผาเสื่อ

 สถานที่น่าสนใจในอุทยานได้แก่ ถ้ำปลา ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยผา ตำบลห้วยผา ห่างจากตัวเมืองประมาณ 17 กิโลเมตร ใช้ทางหลวงหมายเลข 1095 สายแม่ฮ่องสอน-ปาย กิโลเมตรที่ 191-192 สามารถเดินทางไปชมได้ทุกฤดูกาล บริเวณโดยรอบเป็นลำธารและป่าเขา ถ้ำปลาตั้งอยู่บริเวณเชิงเขามีลักษณะเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่กว้างประมาณ 2 เมตร ลึก 1.50 เมตร ภายในแอ่งน้ำมีน้ำไหลออกจากถ้ำใต้ภูเขาอยู่ตลอดเวลา และมีปลาตัวโต ๆ อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก มีชื่อเรียกว่าปลามุงหรือปลาคังซึ่งเป็นปลาที่มีเกล็ดขนาดใหญ่ในวงศ์เดียวกันกับปลาคาร์พ และถึงแม้จะมีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่มีใครกล้าทำอันตราย เนื่องจากมีความเชื่อว่าเป็นปลาเจ้า หากใครนำไปรับประทานแล้วจะต้องมีอันเป็นไป อีกสถานที่หนึ่งคือ น้ำตกผาเสื่อ น้ำตกแห่งนี้ไหลลงมาจากน้ำตกแม่สะงาในพม่า เป็นน้ำตกขนาดกลางสูงประมาณ 10 เมตร กว้าง 15 เมตรในช่วงฤดูฝนจะมีน้ำไหลเต็มหน้าผากว้างทำให้ดูมีรูปร่างคล้ายเสื่อปูลาด จึงเป็นที่มาของชื่อน้ำตกผาเสื่อส่วนในฤดูแล้งจะมีน้ำน้อย แต่ก็มีถือว่าเป็นน้ำตกที่มีน้ำตลอดปี

พระตำหนกปางตอง

พระตำหนักปางตอง

พระตำหนักปางตอง ตั้งอยู่ที่ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นหนึ่งในโครงการตามพระราชดำริที่ตั้งอยู่ในโครงการพัฒนาพื้นที่สูงปางตอง ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2523 เพื่อใช้เป็นสถานที่ทดลอง ค้นคว้าวิจัย และส่งเสริมการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์เมืองหนาวแก่ชาวไทยภูเขา  เมื่อผ่านเข้าสู่เขตพระตำหนักฯ  สถานที่แรกที่คุณจะพบก็คือ “ศาลมหาราช” โดยมี “ศาลทหารเสือ” ที่มีขนาดเล็กกว่าตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม ภายในศาลมหาราชนี้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะแนะนำให้นักท่องเที่ยวเข้าสักการะก่อนจะเดินทางเข้าสู่ด้านในภายในพื้นที่อันกว้างใหญ่ของโครงการฯ มีสถานที่ต่างๆ ให้เที่ยวชมมากมาย แต่ที่จะพลาดไม่ได้เลยก็คือ คอกแกะและทุ่งหญ้าเลี้ยงแกะ เพราะที่นี่คุณจะได้สัมผัสความน่ารักของเหล่าแกะน้อยได้อย่างใกล้ชิด โดยคุณสามารถเข้าไปกอด หรืออุ้ม รวมทั้งไล่ต้อนฝูงแกะได้อย่างสนุกสนาน นอกจากนั้น คุณจะยังได้ชมการตัดขนแกะ การทอขนแกะด้วยมือ ตลอดจนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากขนแกะอย่างผ้าพันคอ และผ้าคลุมไหล่ ได้ในราคาสบายกระเป๋าอีกด้วย

ภโคลนคนทรคลบ

ภูโคลนคันทรีคลับ

ภูโคลนคันทรีคลับ ตั้งอยู่เลขที่ 132 หมู่ 2 ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นหนึ่งในสามแหล่งของโลกที่มีการค้นพบโคลนธรรมชาติอันทรงคุณค่า ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อผิวหนังและระบบไหลเวียนโลหิตของมนุษย์ ปัจจุบัน “ภูโคลน” เป็นที่รู้จักกันดีในแง่ของสถานที่ท่องเที่ยว และการให้บริการด้านสุขภาพและความงามด้วยโคลนและน้ำแร่ธรรมชาติแก่ผู้มาเยือน สำหรับประวัติความเป็นมาของภูโคลนนั้นก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย โดยย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2538 แหล่งโคลนสุขภาพโป่งเดือดแม่สะงา (หรือภูโคลนในปัจจุบัน) ได้ถูกค้นพบเป็นครั้งแรก เมื่อนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยากลุ่มหนึ่งสังเกตเห็นสายน้ำร้อนผุดขึ้นกลางทุ่งนา และได้ไหลไปผสมรวมกับลำธารเล็กๆ ขณะเดียวกันชาวบ้านแถวนั้นก็อ้างว่า การแช่น้ำอุ่นดังกล่าวสามารถบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้อย่างน่าอัศจรรย์ จึงได้ทำการเก็บตัวอย่างน้ำแร่และโคลนธรรมชาติไปตรวจสอบ ซึ่งก็พบว่าตะกอนโคลนที่ปนเปื้อนมากับน้ำแร่ร้อนนั้น เป็นโคลนบำบัดผิวที่มีแร่ธาตุหลากหลายชนิดเทียบเท่ากับโคลนจากทะเลสาบเดดซี และโคลนจากลาวาภูเขาไฟ ในประเทศโรมาเนีย หลังจากนั้น ก็ได้มีการสำรวจพื้นที่อย่างต่อเนื่องเรื่อยมา จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2543 ได้มีการก่อตั้ง “ภูโคลน คันทรีคลับ” ขึ้นเพื่อพัฒนาที่ดินดังกล่าวเพื่อประโยชน์ด้านสุขภาพรวมถึงการท่องเที่ยวของจังหวัด

แมนำปาย

แม่น้ำปาย

เป็นแม่น้ำสายที่มีความกว้างใหญ่และยาวที่สุดของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ต้นน้ำเกิดจากทิวเขาถนนธงชัยและทิวเขาแดนลาวในเขตอำเภอปาย แล้วไหลมาตามหุบเขาจากทิศเหนือลงมาทางทิศใต้ เป็นแม่น้ำที่ไหลผ่าน 3 อำเภอของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เริ่มจากอำเภอปายไปยังอำเภอปางมะผ้า ก่อนผ่านเข้าสู่อำเภอเมือง จากนั้นก็จะไหลลงสู่แม่น้ำสาละวินในขตรัฐคะยา สหภาพเมียนม่าห์ แม่น้ำปายมีความยาวประมาณ 180 กิโลเมตร กว้างโดยรวม 30 เมตร และช่วงที่ลึกสุดประมาณ 7 เมตร พื้นใต้น้ำเป็นกรวดทรายทำให้น้ำใส และน้ำมีความเย็นตลอดทั้งปี หน้าฝนจะมีกระแสน้ำที่เชี่ยวมาก ในยามหน้าแล้งก็ยังคงมีน้ำที่ลึกประมาณ 1 เมตร มีกิจกรรมที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเมื่อมาเยือนจังหวัดแม่ฮ่องสอนคือ การล่องแก่งซึ่งมีความยากตั้งแต่ระดับ 2-3 ในเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์และความยากระดับ 3-5 ในเดือนมิถุนายน-กันยายน ซึ่งมี 2 ระยะทาง คือเริ่มต้นจากแม่น้ำปาย บริเวณอ.ปาย สิ้นสุดที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ บ้านปางหมู อำเภอเมือง ระยะทางประมาณ 70 กม.

 

 

 

 

แมสะเรยง

แม่สะเรียง

 

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในอำเภอแม่สะเรียง มีอาทิ ทุ่งบัวตอง ดอยแม่เหาะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา จังหวัดแม่ฮ่องสอน ริมทางในช่วงนี้มีภูมิประเทศที่งดงามของภูเขาและทุ่งดอกบัวตองที่ตระการตาและเบ่งบานสะพรั่งในเดือนตุลาคม-ธันวาคม, พระธาตุจอมมอญ เป็นปูชนียสถานที่มีลักษณะเป็นเจดีย์เก่าแก่ ถือกันว่าเป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ และมีงานฉลองในเดือนกรกฎาคมของทุกปี, วัดจองสูงหรือวัดอุทยารมณ์ ภายในวัดมีเจดีย์ทรงมอญเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี อยู่ 3 องค์, วัดศรีบุญเรือง ตั้งอยู่ใกล้กับวัดจองสูงเป็นอีกวัดหนึ่งที่มีสิ่งน่าสนใจได้แก่โบสถ์รูปทรงพม่าซึ่งฉลุลวดลายงดงาม, วัดแสนทอง ตั้งอยู่ในตัวอำเภอแม่สะเรียง มีพระแสนทองพระพุทธรูปปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ อันเป็นศิลปะสมัยเชียงแสนที่เก่าแก่และงดงามมากองค์หนึ่ง และที่วัดแสนทองนี้ยังประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวเมืองแต่อดีต, วัดจอมทอง ซึ่งมีจุดเด่นที่พระพุทธรูปขนาดใหญ่ซึ่งประดิษฐานอยู่บนยอดเขา บนลานพระพุทธรูปนี้สามารถชมทิวทัศน์อันสวยงามของอำเภอแม่สะเรียงได้ระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ จากวัดพระธาตุดอยสุเทพไปยังพระตำหนักฯ ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นพระตำหนักประทับแปรพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2505 ตั้งอยู่บนดอยบวกห้า สามารถเดินชมโดยรอบตำหนักและบริเวณซึ่งมีแปลงกุหลาบ สวนเฟิร์น และไม้นานาพรรณ โดยปกติแล้วจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมเฉพาะวันศุกร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ ทั้งนี้จะต้องเป็นช่วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มิได้เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ซึ่งปกติจะปิดในช่วงเวลาตั้งแต่ประมาณกลางเดือนธันวาคม-ต้นเดือนกุมภาพันธ์

ทงดอกบวตองดอยแมอคอ7

ทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ

ทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ ตั้งอยู่ที่หมู่ 6 ตำบลแม่อูคอ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน อยู่ห่างจากที่ทำการอำเภอขุนยวม 25 กิโลเมตร ถือเป็นทุ่งดอกบัวตองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งมีพื้นที่กว่า 500 ไร่ ปัจจุบันอยู่ในความรับผิดชอบของโครงการพัฒนาป่าไม้ที่สูง หน่วยที่ 5 กองอนุรักษ์ต้นน้ำ ทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีลักษณะเป็นทิวเขาเขียวสูงสลับกับทุ่งดอกบัวตองทั่วพื้นเขา โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม ของทุกปี เมื่อลมหนาวเข้ามาเยือนเมืองสามหมอก ดอกบัวตองนับแสนนับล้านที่อยู่ที่นี่ก็จะบานสะพรั่งพร้อมๆ กัน ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศให้เข้ามาเยือน และชมความงดงามของท้องทุ่งสีเหลืองอร่าม ที่ดูราวกับว่าทั่วทั้งภูเขาถูกปูด้วยพรมสีเหลืองผืนยักษ์ ถือเป็นหนึ่งในอะเมซิ่งไทยแลนด์ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตควรหาโอกาสไปชมให้ได้ ทั้งนี้ จุดที่เป็นที่นิยมในการชมทัศนียภาพอันสวยงามของทุ่งดอกบัวตองก็คือ บนดอยแม่อูคอ เนื่องจากข้างบนนี้สามารถมองเห็นทุ่งดอกบัวตองได้แบบ 360 องศา

อทยานแหงชาตนำตกแมสรนทร

อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์

อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ยอดนิยมอีกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอขุนยวมและอำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน สภาพพื้นที่เป็นป่าเขาเรียงรายสลับซับซ้อน มีภูเขาหินและหน้าผาน้อยใหญ่สูงชันในลักษณะทั้งที่แตกต่างกันและคล้ายกันหลายแห่ง โดยเฉพาะที่ดอยวิดจา ดอยปุงถุ่น จะมีหน้าผาที่สูงชันมาก อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ มีเนื้อที่ประมาณ 396.60 ตารางกิโลเมตร หรือ 247,875 ไร่ ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2524 โดยเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 37 ของประเทศ อุทยานแห่งชาติแห่งนี้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่อุดมสมบูรณ์ ตลอดจนมีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่สวยงาม เช่น น้ำตกต่างๆ โดยเฉพาะน้ำตกที่ถือเป็นจุดเด่นตามชื่อของอุทยาน ได้แก่ น้ำตกแม่สุรินทร์ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดใหญ่เคียงคู่กับทุ่งบัวตองและลำน้ำปายน้ำตกแม่สุรินทร์เป็นต้นน้ำชั้นเดียวทีมีความสวยงามและมีน้ำไหลตลอดปี มีแม่น้ำสุรินทร์เป็นแหล่งต้นน้ำ มีสภาพธรรมชาติรอบด้านเป็นภูเขาสูงชันไหลลงมาเป็นสายยาวจากหน้าผาสู่หุบเขาซึ่งมีความสูงประมาณ 80 เมตร จึงนับว่าเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ

วดพระธาตจอมกตต

วัดพระธาตุจอมกิตติ

พระธาตุจอมกิตติมีลักษณะเป็นเจดีย์สถูปไสตล์ล้านนาซึ่งภายนอกขององค์เจดีย์มีสีขาว แต่ส่วนยอดของเจดีย์มีสีทอง พระธาตุจอมกิตติเป็นหนึ่งในพระธาตุที่สำคัญของอำเภอแม่สะเรียงซึ่งเรียกกันว่าพระธาตุ 4 จอม ซึ่งมีเรื่องเล่ากันต่อๆมาว่ามีพระฤาษี 4 ตน เป็นพี่น้องกันได้เป็นผู้ริเริ่มสร้างพระธาตุสี่มุมเมืองยวม คือ พระธาตุจอมมอญ พระธาตุจอมแจ้ง พระธาตุจอมทอง พระธาตุจอมกิตติ  พระฤาษีทั้งสี่พี่น้องเป็นผู้มีตะบะเดชะ มีวิทยาคมแก่กล้ามาก ได้ศึกษาเล่าเรียนเพียรปฏิบัติจากพระฤาษีอีกองค์หนึ่งผู้เป็นอาจารย์ซึ่งมีฤทธิ์มากและมีอายุมากแล้ว ได้บำเพ็ญเพียรอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งทางเหนือของเมืองยวม กล่าวกันว่าถ้ำนั้นชื่อถ้ำเหง้า หลังจากท่านฤาษีทั้งสี่ตนพี่น้องเรียนศิลปศาสตร์ต่างๆ จนจบแล้ว จึงกราบลาอาจารย์ไปบำเพ็ญเพียรสร้างบารมีต่อฤาษีทั้งสี่ตนนั้นมีความเก่งไปคนละด้าน คือ ฤาษีผู้พี่เก่งในทางรักษาโรค สามารถปรุงยาชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืนชีพได้ ตั้งสำนักอยู่ ณ “ดอยจอมกิตติ” พระฤาษีผู้น้องรองลงมาเก่งในทางเล่นแร่แปรธาตุ สามารถแปรเปลี่ยนธาตุหรือซัดตะกั่วให้เป็นทองก็ทำได้ตั้งสำนักอยู่ชื่อว่าดอยจอมทอง พระฤาษีผู้น้องที่สามเก่งในทางอาคมไสยศาสตร์ทั้งหลายพำนักอยู่ที่ดอยจอมแจ้งฝ่ายฤาษีผู้น้องท้ายสุดเก่งในทางเรียกฝนเรียกลมด้วยอำนาจแห่งพลังจิตสำเร็จกสิณอภิญญาสามารถเดินเหินบนน้ำหรือเหาะขึ้นไปบนอากาศก็ได้ด้วยอำนาจแห่งวาโยกสิณเพ่งลมจนกายเบาใจเบาพาตัวเองลอยละลิ่วไปในอากาศได้พระฤาษีตนสุดท้ายนี้พำนักอยู่ณ ดอยจอมมอญ พระธาตุจอมกิตติจึงดูเหมือนจะเป็นพี่ใหญ่และเป็นที่เคารพสักการะมาถึงปัจจุบัน

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก http://thai.tourismthailand.org
 

 

โครงการพิเศษสำหรับสมาชิก

eae 04

     
 akm    AK HOTELS card RED OK
 A K Hotels Exclusive Club     AK Hotels Privilege Club

 eae 04

หัวหิน

  เลียบทะเลบ้านกรูด...ชมน้ำใสสะอาด...ท้องฟ้าสีคราม         หาดบ้านกรูด อยู่ในเขตบ้านกรูด ตำบลธงชัย...

แม่ฮ่องสอน

            ปาย....เป็นเมืองเล็กๆ ทางตอนเหนือของจังหวัดแม่ฮ่องสอน...

พัทยา / ชลบุรี

      พัทยา มีมากกว่าทะเล 4 บรรยากาศ หลากสไตล์...

กระบี่

      “ เกาะลันตา ”     เป็นชื่อเกาะขนาดใหญ่ มีรูปร่างเรียวยาว พื้นที่ 472 ตารางกิโลเมตร...

++ Hot !! Promotion ++

Duo Special

logologo akmtravel

HpvHex